ไทย-ลาว จัดงาน 'สายใยไหมสองแผ่นดิน' เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

มูลนิธิไทยพึ่งไทยและสมาคมนักธุรกิจแม่หญิงลาว แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เปิดงาน 'สายใยไหมสองแผ่นดิน' เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ในฐานะที่ทรงเป็นผู้เผยแพร่ความงดงามของผ้าไหมไทยสู่สายชาวโลก และทรงให้ความสำคัญกับอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม โดยภายในงานแบ่งเป็นส่วนนิทรรศการเทิดพระเกียรติและส่วนร้านค้าจากทั้งสองประเทศที่มาร่วมออกบูท

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (มูลนิธิไทยพึ่งไทย) - วิพาวัน พรมวิหาร (สมาคมหัตถกรรมแห่งชาติ สปป.ลาว)

มูลนิธิไทยพึ่งไทยและสมาคมนักธุรกิจแม่หญิงลาว แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เปิดงาน 'สายใยไหมสองแผ่นดิน' เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ในฐานะที่ทรงเป็นผู้เผยแพร่ความงดงามของผ้าไหมไทยสู่สายชาวโลก และทรงให้ความสำคัญกับอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม โดยภายในงานแบ่งเป็นส่วนนิทรรศการเทิดพระเกียรติและส่วนร้านค้าจากทั้งสองประเทศที่มาร่วมออกบูท

บัวหวัน ภูมิน (Bouavanh Phouminh) ตัวแทนจากพิพิธภัณฑ์ผ้าไหมลาวในกรุงเวียงจันทน์ หนึ่งในร้านค้าที่มาร่วมงาน เปิดเผยว่าความเชื่อที่ว่าผ้าไหมดูแลยากและต้องซักแห้งนั้นไม่ถูกต้องนัก และผ้าไหมลาวสามารถซักน้ำได้ปกติ เพียงแต่ต้องซักด้วยมือ และทะนุถนอมเนื้อผ้าเป็นพิเศษเท่านั้น ส่วนลวดลายของผ้าไหมลาวก็มีมากมายเป็นพันแบบ และเน้นการเป็นงานฝีมือที่ทำด้วยมือ 100% ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่จะผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้

บัวหวัน ภูมิน

ด้านดีไซเนอร์ไทย แพง - ขวัญข้าว เศวตวิมล กล่าวว่าผ้าไหมไทยกับผ้าไหมลาวมีความประณีตคล้ายกัน แต่มีรายละเอียดแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ทั้งคู่ ทั้งยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างอเนกประสงค์ และราคาก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิด สำหรับแบรนด์ Kwankao ของเธอก็เคยทำโชว์ที่ใช้ผ้าไทยเข้าไปผสมผสานมาแล้ว และคิดอยู่เสมอว่าอยากทำคอลเลกชันที่นำผ้าไทยมาใช้กับดีไซน์ร่วมสมัยแบบเต็มรูปแบบด้วยในอนาคต