อดีตนายทหารผู้ได้ชื่อว่า เป็นผู้ปกป้องโลกเสียชีวิตแล้ว ด้วยวัย 77 ปี
สตานิสลาฟ เปตรอฟ อดีตนายทหารในกองทัพอากาศของสหภาพโซเวียต ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ปกป้องโลก ไม่ให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ ด้วยการตัดสินใจเพิกเฉยต่อคำเตือนของระบบตรวจจับขีปนาวุธของโซเวียตที่ระบุว่าสหรัฐฯยิงขีปนาวุธมา http://winne.ws/n18977
อดีตนายทหารของสหภาพโซเวียตที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปกป้องโลกไม่ให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ในยุคที่สงครามเย็นตึงเครียดถึงที่สุด เสียชีวิตแล้วในวัย 77 ปี
สตานิสลาฟ เปตรอฟ อดีตนายทหารในกองทัพอากาศของสหภาพโซเวียต ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ปกป้องโลกไม่ให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ ด้วยการตัดสินใจเพิกเฉยต่อคำเตือนของระบบตรวจจับขีปนาวุธของโซเวียตที่ระบุว่าสหรัฐฯยิงขีปนาวุธมาที่โซเวียตในยุคสงครามเย็น ซึ่งเขาเชื่อว่าเกิดจากความผิดพลาดของระบบคอมพิวเตอร์ เสียชีวิตแล้วในวัย 77 ปี ในกรุงมอสโก
สตานิสลาฟ เปตรอฟ รับหน้าที่เป็นหัวหน้าศูนย์การเตือนภัยสงครามนิวเคลียร์ ใกล้กรุงมอสโก ในยุคสงครามเย็น ซึ่งในวันที่ 26 กันยายน 1983 หลังเวลาเที่ยงคืนเพียงไม่กี่นาที ระบบตรวจจับขีปนาวุธผ่านดาวเทียมรุ่นใหม่ของสหภาพโซเวียต ได้ส่งสัญญาณเตือนภัยว่าพบขีปนาวุธ 5 ลูกถูกยิงมาที่สหภาพโซเวียต ซึ่งตามข้อปฏิบัติแล้ว เปโตรฟต้องรีบรายงานเรื่องดังกล่าวต่อผู้บังคับบัญชาในทันที ซึ่งจะถูกรายงานต่อไปยังผู้นำประเทศ และจะนำไปสู่การยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์โจมตีสหรัฐฯเพื่อตอบโต้
เปตรอฟ ซึ่งขณะนั้นอายุ 44 ปี ใช้เวลาครุ่นคิดนานหลายนาที เพราะเขารู้ดีว่าการตัดสินใจของเขาจะเป็นชนวนจุดสงครามนิวเคลียร์ระหว่างสหภาพโซเวียตและสหรัฐฯซึ่งจะทำให้มีผู้คนเสียชีวิตหลายล้านคน จนในที่สุดเขาตัดสินใจเพิกเฉยต่อคำเตือนของระบบ และไม่ได้แจ้งไปยังผู้บังคับบัญชา ซึ่งเขาประเมินว่า ถ้าสหรัฐฯจะยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์โจมตีโซเวียตจริง คงไม่ยิงมาแค่ 5 ลูก แต่ต้องยิงมาหลายสิบลูกเพื่อที่จะทำลายฐานยิงนิวเคลียร์ที่โซเวียตมีทั้งหมด เปตรอฟจึงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่สัญญาณเตือน จะเกิดความผิดพลาดในระบบคอมพิวเตอร์
อย่างไรก็ตาม เปตรอฟไม่มีทางรู้ได้เลยว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้องหรือไม่ เพราะทุกสัญญาณในระบบเตือนภัยบ่งชี้ว่ามีขีปนาวุธ 5 ลูกกำลังมุ่งตรงมาที่โซเวียต และถ้าสหรัฐฯยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์มายังโซเวียตจริง จะใช้เวลาเพียง 20 นาทีที่จะถึงเป้าหมาย การที่เขานิ่งเฉยเป็นเวลาหลายนาทีก็จะทำให้โซเวียตสูญเสียโอกาสในการยิงโจมตีกลับไปยังสหรัฐฯ
แต่หลังจากที่เวลาผ่านไปนานกว่า 20 นาที เปตรอฟก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งการตรวจสอบภายหลังพบว่าระบบตรวจจับขีปนาวุธผ่านดาวเทียมรุ่นใหม่ของสหภาพโซเวียตเกิดความผิดพลาดตรวจจับแสงอาทิตย์ที่สะท้อนผ่านกลุ่มก้อนเมฆและประเมินว่าเป็นไอพ่นของขีปนาวุธข้ามทวีปของสหรัฐฯ ซึ่งหากเปตรอฟไม่ใช้วิจารณญาณของตัวเองประเมินสถานการณ์และรายงานผู้บังคับบัญชาไปตามข้อปฏิบัติ ก็จะทำให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นอย่างแน่นอน
หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น ในช่วงแรก เปตรอฟถูกผู้บังคับบัญชาตำหนิอย่างรุนแรงต่อการละเมิดกฎข้อปฏิบัติทางการทหาร และทางการโซเวียตก็ได้ปิดเรื่องนี้เงียบเป็นเวลานาน ก่อนที่จะถูกเปิดเผยเมื่อปี 1998 โดยนายทหารคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืนนั้นด้วย ทำให้เปตรอฟได้รับคำชื่นชมจากนานาชาติ รวมทั้งการเชิดชูเกียรติในการประชุมของสหประชาชาติ เมื่อปี 2006 วีรกรรมของเปตรอฟยังได้รับความสนใจจากสื่อนานาชาติซึ่งเคยทำรายงานพิเศษเกี่ยวกับเขาหลายครั้ง รวมทั้งมีการถ่ายทำเป็นภาพยนตร์สารคดีในหลายประเทศ
สตานิสลาฟ เปตรอฟ เสียชีวิตภายในบ้านพักของตัวเองในกรุงมอสโก เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ข่าวการเสียชีวิตของเขาเพิ่งได้รับการเปิดเผยสู่สาธารณะชน เมื่อผู้กำกับภาพยนตร์สารคดีชาวเยอรมัน ที่เคยถ่ายทอดเรื่องราวของเปตรอฟ โทรศัพท์หาเขาเมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมาเพื่ออวยพรวันเกิด แต่กลับได้รับข่าวว่าเปตรอฟเสียชีวิตแล้วจากลูกชายของเขา
บุรุษนาม สตานิสลาฟ เปตรอฟ อาจไม่มีชื่อเสียงโด่งดังนักในถิ่นบ้านเกิด แต่สำหรับฮอลลีวู้ด เรื่องราวของเขาเป็นภาพยนตร์ที่เพิ่งออกฉายในอเมริกา ในชื่อเรื่อง The Man Who Saved the World - บุรุษผู้ปกป้องโลก ในวันประวัติศาสตร์ 26 กันยายน 1983 หรือตรงกับปีพ.ศ.2526