อัศจรรย์!“นะโม ตัสสะ”คำขึ้นต้นสวดมนต์เป็นคำที่เทพยดาหลายพระองค์ร่วมกันแต่งขึ้น

นะโม ตัสสะ”คำกล่าวขึ้นต้นก่อนสวดมนต์บทใดๆ ก็ตาม คือ นะโมตัสสะ นั้นเป็นคำกล่าวนอบน้อมพระพุทธเจ้าที่เทพยดาหลายพระองค์ร่วมกันแต่งขึ้น http://winne.ws/n19161

1.2 หมื่น ผู้เข้าชม
อัศจรรย์!“นะโม ตัสสะ”คำขึ้นต้นสวดมนต์เป็นคำที่เทพยดาหลายพระองค์ร่วมกันแต่งขึ้น

ประวัติของคำกล่าว

                 “นะโม ตัสสะ”

คำกล่าวขึ้นต้นก่อนสวดมนต์บทใดๆ ก็ตาม คือ นะโมตัสสะ นั้น

เป็นคำกล่าวนอบน้อมพระพุทธเจ้าที่เทพยดาหลายพระองค์ร่วมกันแต่งขึ้น 

จนกลายเป็นประโยค บทคาถา “นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหัตโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” โดย คำว่า

“นะโม” ผู้กล่าวคือ พญายักษ์สันตาคีรี

ตัสสะ” ผู้กล่าวคือ องค์สุรินราหู

“ภะคะวะโต” ผู้กล่าวคือ ท้าวมหาราชทั้งสี่ ได้แก่ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรุฬปักษ์ และท้าวเวสสุวัณ

“อะระหัตโต” ผู้กล่าวคือ พระอินทร์ เป็นคำนอบน้อมต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

“สัมมาสัมพุทธะสะ” ผู้กล่าวคือ ท้าวมหาพรหมสหัมปติ

อัศจรรย์!“นะโม ตัสสะ”คำขึ้นต้นสวดมนต์เป็นคำที่เทพยดาหลายพระองค์ร่วมกันแต่งขึ้น
อัศจรรย์!“นะโม ตัสสะ”คำขึ้นต้นสวดมนต์เป็นคำที่เทพยดาหลายพระองค์ร่วมกันแต่งขึ้น

มีเรื่องเล่าว่า ณ แดนหิมวันต์ประเทศ มีเทือกเขาชื่อว่า สาตาคิรี เป็นที่ร่มรื่น รมณียสถาน เป็นที่อยู่ของพวกยักษ์ที่เป็นภุมเทพยดา อันมีนามตามที่อยู่ว่า สาตาคิรียักษ์ มีหน้าที่เฝ้าทางเข้าหิมวันต์ ทางทิศเหนือ เป็นบริวารของท้าวเวสสุวัณ สาตาคิรียักษ์ได้มีโอกาสสดับ พระสัทธรรมจากพระบรมศาสดา จนมีจิตเลื่อมใสศรัทธา เปล่งคำยกย่องบูชาด้วยคำว่า

“นะโม” หมายถึง พระผู้มีพระภาค ทรงเป็นใหญ่กว่า มนุษย์ เทพยดา พราหมณ์ มาร ยักษ์ และสัตว์ทั้งปวง

อัศจรรย์!“นะโม ตัสสะ”คำขึ้นต้นสวดมนต์เป็นคำที่เทพยดาหลายพระองค์ร่วมกันแต่งขึ้น
อัศจรรย์!“นะโม ตัสสะ”คำขึ้นต้นสวดมนต์เป็นคำที่เทพยดาหลายพระองค์ร่วมกันแต่งขึ้น

กล่าวฝ่ายอสุรินทราหู เมื่อได้สดับพระเกียรติศัพท์ ของพระบรมศาสดา ก็มีจิตปรารถนา ที่จะได้ฟังธรรมของพระบรมศาสดาบ้าง แต่ด้วยกายของตนใหญ่โตเท่ากับโลก จึงคิดดูแคลน พระบรมศาสดา ว่า มีพระวรกายเล็กดังมด จึงอดใจรั้งรออยู่ พอนานวันเข้า พระเกียรติคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ยิ่งขจรขจายไปทั้งสามโลก จนทำให้อสุรินทราหูอดรนทนอยู่มิได้ จึงเหาะมาในอากาศ ตั้งใจว่าจะร่ายเวทย่อกาย เพื่อเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ขอฟังธรรม แต่พอมาถึงที่ประทับ อสุรินทราหู กลับต้องแหงนหน้าคอตั้งบ่า เพื่อจะได้ทัศนาพระพักตร์พระบรมศาสดา

พระผู้มีพระภาคจึงทรงแสดงพระสัทธรรม ชำระจิตอันหยาบกระด้าง ของอสุรินทราหู ให้มีความเลื่อมใสศรัทธา แสดงตนเป็นอุบาสกผู้ถือพระรัตนตรัยตลอดชีวิต แล้วกล่าวสรรเสริญพระบรมศาสดาว่า

“ตัสสะ” แปลว่า ขอบูชา ขอนอบน้อม ขอนมัสการ

อัศจรรย์!“นะโม ตัสสะ”คำขึ้นต้นสวดมนต์เป็นคำที่เทพยดาหลายพระองค์ร่วมกันแต่งขึ้น

เมื่อครั้งที่ท้าวจาตุมหาราช ทั้ง ๔ ผู้ดูแลปกครองสวรรค์ชั้นแรก มีชื่อเรียกว่า ชั้น กามาวจร มีหน้าที่ปกครองดูแลประตูสวรรค์ทั้ง ๔ ทิศ พร้อมบริวาร ได้พากันเข้ามาเฝ้าพระบรมศาสดา แล้วทูลถามปัญหา พระบรมศาสดา ทรงแสดงธรรมตอบปัญหา แก่มหาราชทั้งสี่พร้อมบริวาร จนยังให้เกิดธรรมจักษุแก่มหาราชทั้งสี่ และบริวาร ท่านทั้ง ๔ นั้น

จึงเปล่งคำบูชาสาธุขึ้นว่า “ภะคะวะโต”  แปลว่า พระผู้มีพระภาค ทรงเป็นผู้จำแนกธรรมอันยิ่ง อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า

ท้าวสักเทวราช

อัศจรรย์!“นะโม ตัสสะ”คำขึ้นต้นสวดมนต์เป็นคำที่เทพยดาหลายพระองค์ร่วมกันแต่งขึ้น

อะระหะโต เป็นคำกล่าวสรรเสริญ ของท้าวสักกะเทวราช เจ้าสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น ท่านสถิตอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท้าวสักกะเทวราช ได้ทูลถามปัญหา แด่พระผู้มีพระภาค พระพุทธองค์ทรงตรัสปริยายธรรม และ ทรงตอบปัญหา จนทำให้ท้าวสักกะเทวราช ได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุเป็นพระโสดาปัตติผล จึงเปล่งอุทานคำบูชาขึ้นว่า

“อะระหะโต” แปลเป็นใจความว่า อรหันต์ เป็นผู้ไกลจากกิเลส ไกลจากเครื่องข้องทั้งปวง

อัศจรรย์!“นะโม ตัสสะ”คำขึ้นต้นสวดมนต์เป็นคำที่เทพยดาหลายพระองค์ร่วมกันแต่งขึ้น

สัมมาสัมพุทธัสสะ” เป็นคำกล่าวยกย่องสรรเสริญ ของท้าวมหาพรหม หลังจากได้ฟังธรรม จนบังเกิดธรรมจักษุ จึงเปล่งคำสาธุการ “สัมมาสัมพุทธัสสะ" หมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วยพระองค์เอง ทรงรู้ดี รู้จริง รู้ยิ่ง กว่าผู้รู้อื่นใด

รวมเป็นบทเดียวว่า "นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ"แปลโดยรวมว่า ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ นั้นเอง


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

http://fusionpeach.tumblr.com/post/23344399409/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7-%E0%B8%95-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%81%E0%B8%A5-%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A1-%E0%B8%95-%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%B0

www.google.co.th

แชร์