อานิสงส์เวียนประทักษิณรอบพระเจดีย์ทุกวัน ต่อเนื่องไม่ถึงเดือน

ฉันคิดว่า ฉันต้องให้เวลากับตัวเองบ้าง ด้วยการปฏิบัติบูชาบุคคลที่เลิศที่สุดของโลกและจักรวาล คือพระพุทธเจ้า ใจเราจะได้ซึมซับความสะอาด ความบริสุทธิ์ ของพระพุทธองค์มาสู่เราอย่างเต็มที่ ฉันปรารถนาความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ http://winne.ws/n19187

2.7 พัน ผู้เข้าชม
อานิสงส์เวียนประทักษิณรอบพระเจดีย์ทุกวัน ต่อเนื่องไม่ถึงเดือนแหล่งภาพจาก DMC.tv

เมื่อฉันเวียนประทักษิณ ระลึกถึงพระพุทธเจ้าทุกวันต่อเนื่อง เพียงไม่ถึงเดือน ฉันก็...???

แต่ก่อนฉันก็ไม่สนใจหรอก ว่าใครจะไปไหว้พระเจดีย์กัน ได้แต่นึกว่าและชมพวกเขา ที่ไปไหว้กันได้ทุกวัน ทั้งเช้าทั้งเย็น อายุก็ยังน้อยแต่ทำไม เขาจึงไปกัน

แต่ก่อนฉันก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะไปเดินเวียนเทียนกัน ใคร ๆ เขาก็ไปกัน แต่เหมือนสิ่งนี้ไม่ได้อยู่ในใจฉันเลย ?

แต่ก่อนฉันก็ถูกคนรู้จักชวนไปเดินเวียนรอบพระเจดีย์ ในวันพระ เขาไปกันเยอะ แต่ใจฉันก็ไม่คิดอยากไป ได้แต่บอกว่า อนุโมทนาบุญด้วยนะ ดีจังเลย แต่ใจฉันก็ไม่มีความรู้สึกว่าจะต้องไป เขาไปกันเหงื่อออกเลย กลับมาหน้าใสกันดี แต่ไม่ใช่ฉัน..ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ฉันจึงไม่อยากไป..ยกเว้นงานบุญใหญ่ที่วัดจัดงานเท่านั้น

บ่อยครั้งที่ฉันคิดว่า นั่งไหว้ นั่งกราบที่หน้าพระเจดีย์ ในที่ที่เขาจัดไว้ให้ก็พอแล้วนี่..ไปก็เหนื่อยอีกต่างหาก ถึงแม้จะเห็นชาวต่างชาติมาเดินเวียนประทักษิณรอบพระเจดีย์กัน ฉันก็ได้แต่ชื่นชมอนุโมทนากับเขาเท่านั้น แต่ไม่ใช่ฉันอีกนั่นแหละ

หลายปีผ่านไป ฉันก็ได้แต่บอกกับผู้คนที่มีความทุกข์ หลายคนว่า ไปไหว้ไปอธิษฐานขอพรพระที่พระเจดีย์ นึกถึงพระพุทธเจ้ามาก ๆ สิ จะได้ช่วยได้

ทั้งที่ฉันอยู่ใกล้พระเจดีย์ แต่ฉันทำตัวเหมือนคนอยู่ไกลขนาดว่ามาไม่ได้ นาน ๆ สักครั้ง จึงได้เข้าไปกราบพระเจดีย์สักหน เมื่อไปใจก็มีความสุขดี ทั้งได้ร่วมสร้างด้วยตนเองและชวนคนอื่นมาสร้างด้วย แต่ฉันก็ดูเฉยชาซะงั้น

แต่เมื่อไม่นานมานี้เอง ฉันเริ่มเข้าใกล้และได้เข้าไปกราบพระเจดีย์ใกล้ ๆ และได้ไปเดินเวียนประทักษิณรอบพระเจดีย์ ครั้งแรกที่ไปเดิน ฉันเหนื่อยและเจ็บขัดที่ข้อเท้า เอว กลับไปบ้านพักก็เจ็บกล้ามเนื้อบริเวณน่องทั้งสองอีก

แต่ฉันตั้งใจว่าจะบูชาธรรมใกล้วันเข้าถึงธรรมของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) คือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 โดยการไปเดินรอบพระเจดีย์ทุกวัน จนถึงวันนั้น ทำให้ฉันต้องไปเดินเวียนประทักษิณอีกเกือบทุกวัน ยกเว้นวันที่ฝนตก แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ดีใจนิด ๆ ที่ไม่ต้องไปเดินเสียด้วยซ้ำ

อานิสงส์เวียนประทักษิณรอบพระเจดีย์ทุกวัน ต่อเนื่องไม่ถึงเดือน

จนกระทั่ง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 มาถึง ฉันไปเดินกับญาติที่ป่วยด้วยโรคที่รักษาไม่หาย ต้องค่อย ๆ เดินช้า ๆ ฉันก็เลยต้องเดินช้า ๆ เพื่อรอ ๆ กันไปกับพวกเขา ให้กำลังใจเขา

แต่ฉันก็ไม่ค่อยเหนื่อยเลย แต่เจ็บน่องที่ต้องเดินช้า ๆ แต่ใจฉันสบายและมีสติมากขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เจ็บกล้ามเนื้อบ้าง 

จากวันนั้น ทำให้ฉันรู้ว่า การที่พระพุทธเจ้าประทับนั่งสมาธินาน ๆ แต่พระองค์ก็ยังมีกายเนื้ออยู่จึงเมื่อยบ้างเวลาที่พระองค์ต้องเปลี่ยนอริยาบถ ก็คือการเสด็จไปเดินบ้าง หรือที่เรียกว่า การเดินจงกรม นั่นเอง 

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ฉันอยากไปเดินเวียนประทักษิณทุก ๆ วัน บางวันก็ 1 รอบ (รอบละประมาณกว่า 15 นาที ถ้าความเร็วปกติ) บางวันก็ 2 รอบ ไม่เกิน 3 รอบ

ต่อมาฉันก็ไปทุกวัน ไม่อยากให้ฝนตกเลย จะได้ออกไปเดินได้ วันไหนฝนตกฉันจะเสียดายแต่ก็กราบพระเจดีย์ในร่มนั้น ส่งใจไป และอธิษฐานจิต (แต่ความรู้สึกไม่เหมือนกับได้เดิน)

ต่อมาฉันก็เริ่มเรียนรู้แล้วว่า การเดินรอบพระเจดีย์นั้น ควรเดินด้วยอาการสำรวมกาย วาจา และใจมาก ๆ ด้วย เพราะเราบูชาและระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ที่สะอาดบริสุทธิ์ที่สุด

สุดท้ายเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ฉันเสร็จภาระงานประจำวันแล้ว ฉันก็ดีใจที่จะไปเดินเวียนประทักษิณรอบพระเจดีย์อีกเช่นวันก่อน ๆ แต่ ความแตกต่างของจิตใจนั้นแตกต่างมาก...

ฉันรู้สึกว่า ฉันกำลังจะไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ประทับรออยู่บนพระเจดีย์จำนวนมาก เหมือนพระพุทธองค์เฝ้ามองและรับรู้ความในใจของพวกเราทุก ๆ คนที่ไปกราบและเวียนประทักษิณเพื่อบูชาพระพุทธองค์อยู่ตลอดเวลา

ฉันสวดธรรมมจักรไปด้วย เบา ๆ และเดินอย่างช้า ๆ ให้ร่างกายมีความสุขไปด้วย ลืมความกังวลทุกสิ่ง ทั้งเรื่องเวลา งาน และใคร ๆ ที่จะโทร.หรือติดต่อมาขณะนั้น จนหมดสิ้น

ฉันคิดว่า ฉันต้องให้เวลากับตัวเองบ้าง ด้วยการปฏิบัติบูชาบุคคลที่เลิศที่สุดของโลกและจักรวาล คือพระพุทธเจ้า ใจเราจะได้ซึมซับความสะอาด ความบริสุทธิ์ ของพระพุทธองค์มาสู่เราอย่างเต็มที่ ฉันปรารถนาความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ เพื่อที่เราจะได้มีชีวิตที่มีความสุขกว่านี้

แปลก สมัยก่อน ฉันกับบางคนอาจอยากได้สิ่งอื่น ๆ เช่น ความสำเร็จ ทรัพย์ ฯลฯ ถึงวันนี้ไม่ใช่เลย ฉันอยากอยู่ใกล้บุคคลที่สะอาด บริสุทธิ์มากขึ้น ต่างหาก นั่นคือพระพุทธองค์และครูบาอาจารย์ที่ฉันเคารพบุชานับถือ

ก่อนสวดมนต์ ก่อนเวียนประทักษิณทุกวัน ฉันจะล้างมือให้สะอาด ทำตัวให้ไม่น่ารังเกียจด้วยเหงื่อไคลเสียก่อน เพราะฉันรู้ว่า ฉันกำลังจะเข้าใกล้ผู้ที่สะอาดบริสุทธิ์ที่สุด และไม่ควรจะมีสัมภาระอะไรที่หนัก ถ่วง และดูรกรุงรัง เพราะพระพุทธองค์ก็สละหมดแล้ว

อานิสงส์เวียนประทักษิณรอบพระเจดีย์ทุกวัน ต่อเนื่องไม่ถึงเดือน

วันนั้น(วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน) ทุกย่างก้าวของฉันที่เหยียบบนพื้นลานเวียนประทักษิณ ฉันมีสติและรับรู้ความหยาบ ความละเอียดของพื้นได้ดี แต่ละก้าวระลึกถึงพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ที่ทรงเอาชีวิตเข้าแลกนับภพนับชาติไม่ถ้วนกว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และเผยความจริงทั้งปวง ที่ถูกซ่อนเร้นอยู่ และนำมาแบ่งปันชาวโลกทุกคนให้รู้

ทุกย่างก้าวที่แม้จะเชื่องช้า แต่ประกอบด้วยสติ จิตใจที่นิ่งสงบขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ร่างกายได้รับการผ่อนคลาย ได้พักผ่อนไปด้วย จนในที่สุด ใจฉันนิ่งและกายก็มีความสุข เบาสบาย เหมือนจะลอยได้ ดูช่างนุ่มนวลในแต่ละก้าว จนเหมือนฉันพองลม ไม่มีกระดูกและข้อต่อกระดูกต่าง ๆ เลยกระนั้น แม้แต่สายลมก็ดูเหมือนจะพัดผ่านตัวของฉันไปได้อย่างชุ่มเย็น

ดูเหมือนตัวฉันเป็นสิ่งที่มีแสงออกมาได้ด้วยตัวเอง ยิ่งเบาก็ยิ่งสุขทั้งกายและใจ จนกายนี้แปรเปลี่ยนเป็นความใสแทนและเมื่อเวลาผ่านไป ก็ปรากฏมีดวงใสสว่างเล็ก ๆ ลึก ๆ จากภายใน และมีองค์พระประทับนิ่งที่กลางตัวของฉัน ฉันเหมือนอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่มีแต่ความสุขแบบนิ่ง ๆ เฉย ๆ อย่างบอกไม่ถูก แม้จะผ่าน 5 รอบแล้ว ก็เหมือนไม่นานเลย

ฉันขอแค่เพียงแค่ได้สัมผัสความสะอาดบริสุทธิ์ของพระพุทธองค์ บ้าง วันนี้ ฉันสมใจแล้ว และฉันจะจำไว้ไม่มีวันลืม ถึงแม้ว่า วันไหน ๆ จะเป็นอย่างไร เพราะวันนี้ฉันมีกำไรแล้ว กับการได้เกิดมาเป็นชาวพุทธในชาตินี้

ถึง ณ วันนี้ ฉันดูเหมือนแข็งแรงขึ้น กิจวัตรกิจกรรมลงตัวมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น และทำให้ฉันเข้าใจคำว่า "เมื่อยังไม่ถึงเวลาของเขา เขาจะไม่มาวัด ไม่มาปฏิบัติ ดังคำโบราณที่ว่า สักวันตะวันเที่ยงก็มาถึงเขา แล้วเมื่อเงาตัวเขาไม่มี หมายความว่า เมื่อตะวันเที่ยงนั้นเงาจะซ้อนกันพอดีกับตัวเรา เขาก็จะคิดได้ และมาวัดทำบุญเช่นเดียวกับเรานั่นเอง ถ้าไม่ถึงเวลาของเรา เราก็ยังไม่มา เช่นเดียวกัน คล้ายทุกคนมีแผนผังชีวิตซ่อนอยู่ภายในเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิต"

จากวันนั้น เป็นต้นมา ฉันซาบซึ้งกับคำว่า "วัดคือสถานที่ที่ต้องสะอาด บริสุทธิ์ เป็นที่ประดิษฐานพระรัตนตรัยคือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เอาไว้ให้พี่น้องชาวพุทธได้เป็นที่พึ่งที่ระลึกให้เย็นกายเย็นใจ ได้ศึกษาเรียนรู้ความจริงของชีวิต"

ดังนั้น "วัดควรได้รับการปฏิบัติที่ดี ที่สุด ที่เหมาะสมที่สุด ไม่ควรนำสิ่งใดที่สกปรกหรือสิ่งที่เราไม่ต้องการมาไว้ที่วัดเช่น สุนัข แมว หรือสิ่งอื่น ๆ ที่เราไม่ต้องการมาทิ้งไว้ แม้แต่เศษขยะที่เราต้องการจะทิ้งแล้ว เพราะวัดไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านั้นเลย

เพราะสิ่งที่เรากระทำเช่นนั้น คงจะมีวิบากกรรมทำให้ชีวิตต้องพบเจอแต่สิ่งที่ไม่พึงปรารถนาอีกมากมายต่อเนื่องยาวนาน แต่สิ่งที่ควรกระทำที่วัดคือ การสำรวมกาย วาจา ใจ ให้ดีที่สุด เพื่อปฏิบัติบูชาและสร้างความศักดิ์สิทธิ์ให้กับผู้มาเยือนและทุก ๆ คนรวมทั้งบุคลากรของวัด

และที่สำคัญที่สุด ในสถานที่ที่เรียกว่า พระเจดีย์ ที่ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปที่เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้า เราควรให้ความเคารพทั้งกาย วาจา และใจของเราทุก ๆ คน ที่เข้าไป เพราะที่นั้น พระพุทธองค์กำลังนั่งขัดสมาธิด้วยความเงียบสงบ เราจึงไม่ควรไปพูดคุยโทรศัพท์เรื่องอื่น ๆ หรือพูดคุย หยอกล้อเล่นกันในบริเวณนั้น เพราะผู้ที่ไปในที่นั้น ต่างล้วนต้องการความเงียบสงบที่จะทำให้เกิดสมาธิ จึงควรเป็นสิ่งที่น่าจะดีที่สุด ใช่หรือไม่...???

ศิษย์ก้นกุฏิ

26 กันยายน 2560

แชร์