ปัจฉิมโอวาทขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า..และพุทธศาสนสุภาษิต"ผู้ประมาท เหมือนคนที่ตายแล้ว"

ปมาโท รกฺขโต มลํ ความประมาท เป็นมลทินของผู้รักษา เย ปมตฺตา ยถา มตา ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว ปมาเทน น สํวเส ไม่ควรสมคบด้วยความประมาท http://winne.ws/n19753

5.2 พัน ผู้เข้าชม
ปัจฉิมโอวาทขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า..และพุทธศาสนสุภาษิต"ผู้ประมาท เหมือนคนที่ตายแล้ว"แหล่งภาพจาก DMC.tv

ปัจฉิมโอวาท

"ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย... บัดนี้ เราเตือนท่านทั้งหลาย  สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา  ท่านทั้งหลาย  จงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด" มหาปรินิพพานสูตร 10/180

สิ่งที่ก่อให้เกิดความประมาท

               1) ความเป็นหนุ่มสาว ทำให้บุคคลเพลิดเพลินในความสนุกสนานในภาวะของหนุ่มสาว ทำให้ทำ พูด คิด ในสิ่งต่าง ๆ ตามประสาอารมณ์ของวัยรุ่น ไม่คำนึงถึงความถูกต้องดีงาม บางรายต้องสูญเสียอนาคต ชีวิต ไป เพราะความประมาท พระพุทธศาสนาจึงสอนให้ไม่ประมาทในวัย (โยพนมัตตัง)

               2) ความไม่มีโรค ทำให้บุคคลลุ่มหลงในชีวิต ลืมนึกถึงโรคภัยไข้เจ็บที่จะต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา เมื่อโรคภัยเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่อาจทำความดีได้ เมื่อตอนแข็งแรงอยู่ไม่ได้ทำไว้ จึงตกอยู่ในภาวะของคนประมาท (อโรคยมัตตัง)

               3) ความมีทรัพย์ ทำให้คนหลงเพลิดเพลินในทรัพย์ โดยไม่ใส่ใจในการทำความดี หลงใหลคลั่งไคล้ในวัตถุนิยม คิดว่ามีเงินแล้วจะทำดีเมื่อใดก็ได้ เมื่อเพลิดเพลินไปมาก จิตใจก็ถอยห่างจากความดีไปเรื่อยๆ สุดท้าย เมื่อก่อนจะเสียชีวิตนึกเสียดายที่ได้ทำความดีไว้น้อย

               4) เวลา การที่ประมาทในเวลา โดยคิดว่า มีเวลาทำดีอยู่มาก หรือบางคนบอกว่า รอให้แก่ก่อน แล้วจึงค่อยทำบุญกุศล ถ้าเกิดเป็นอะไรไปเสียก่อน หรือเมื่อแก่แล้วก็ทำดีไม่ได้สะดวก เพราะไม่ได้สั่งสมพฤติกรรมการทำดีมา (พฤติกรรมเคยชิน) จึงทำดีได้ไม่เท่าที่ควร

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://sites.google.com/site/orataibumbim/bth-thi-1/1-5-khwam-sakhay-khxng-phraphuthth-sasna-ni-dan-kar-fuk-tn-mi-hi-pramath

ปัจฉิมโอวาทขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า..และพุทธศาสนสุภาษิต"ผู้ประมาท เหมือนคนที่ตายแล้ว"

พุทธศาสนสุภาษิต     หมวดที่ ๙ ความประมาท

ปมาโท รกฺขโต มลํ          ความประมาท เป็นมลทินของผู้รักษา

เย ปมตฺตา ยถา มตา        ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว

ปมาเทน น สํวเส               ไม่ควรสมคบด้วยความประมาท

 

ปมาทมนุยุญฺชนฺติ พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา

คนพาลมีปัญญาทราม ย่อมประกอบแต่ความประมาท

 

เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ เย ปมชฺชนฺติ มาณวา         คนประมาท ย่อมเศร้าโศกสิ้นกาลนาน

 

ยาวเทว อนตฺถาย ญตฺตํ พาลสฺส ชายติ    หนฺติ พาลสฺส สุกฺกํสํ มุทฺธํ อสฺส วิปาตยํ

ความรู้เกิดแก่คนพาล ก็เพียงเพื่อความฉิบหาย, มันทำสมองของเขาให้เขว, ย่อมฆ่าส่วนที่ขาวของคนพาลเสีย


โย จ วสฺสสตํ ชีเว ทุปฺปญฺโญ อสมาหิโต    เอกาหฺ ชีวิตํ เสยฺโย ปญฺญวนฺตสฺส ฌายิโน

ผู้ใดมีปัญญาทราม มีใจไม่มั่นคง พึงเป็นอยู้ตั้งร้อยปี, ส่วนผู้มีปัญญาเพ่งพินิจ มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวประเสริฐกว่า


โย จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ    โสมํ โลกํ ปภาเสติ อพฺภา มุตฺโต ว จนฺทิมา

เมื่อก่อนประมาท ภายหลังไม่ประมาท เขาชื่อว่ายังโลกนี้ให้สว่าง เหมือนพระจันทร์พ้นจากเมฆหมอกฉะนั้น


ยญฺหิ กิจฺจํ ตทปวิทฺธํ อกิจฺจํ ปน กยีรติ      อุนฺนฬานํ ปมตฺตานํ เตสํ วฑฺฒนฺติ อาสวา

คนทอดทิ้งกิจที่ควรทำ ไปทำกิจที่ไม่ควรทำ เมื่อเขาถือตัวประมาท อาสวะย่อมเจริญ


พหุมฺปิ เจ สํหิต ภาสมาโน น ตกฺกโร โหติ นโร ปมตฺโต   

โคโปว คาโว คณยํ ปเรสํ น ภาควา สามญฺญฺสฺส โหติ

หากกล่าวพุทธพจน์ได้มาก แต่เป็นคนประมาท ไม่ทำตามพุทธพจน์นั้น ก็ไม่มีส่วนแห่งสามัญญผล เหมือนคนเลี้ยงโค คอยนับโคให้ผู้อื่นฉะนั้น


อ้างอิงจาก: http://www.dhammathai.org/proverb/proverbthai09.php

แชร์