เรื่องเล่า "ริมหน้าต่าง" ที่คนอายุ 22 ปีไม่เคยเห็น

รถเมล์ที่วิ่งเข้าตัวอำเภอนางรองจังหวัดบุรีรัมย์ วันนี้ ปกติทุกวันก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่วันนี้มีเหตุการณ์ที่หลายคนบนรถ ต้องเก็บสิ่งนี้เป็นความทรงจำหนึ่งของชีวิตเราติดตามพร้อมกันครับ http://winne.ws/n19823

800 ผู้เข้าชม
เรื่องเล่า "ริมหน้าต่าง" ที่คนอายุ 22 ปีไม่เคยเห็น

เรื่องเล่า "ริมหน้าต่าง" ที่คนอายุ 22 ปีไม่เคยเห็น

“อย่าตัดสินใจเฉพาะแต่สิ่งที่เห็น เพราะเราไม่ทราบว่าเค้าผ่านอะไรมาบ้าง”

รถเมล์ที่วิ่งเข้าตัวอำเภอนางรองจังหวัดบุรีรัมย์ วันนี้ ปกติทุกวันก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่วันนี้มีเหตุการณ์ที่หลายคนบนรถ ต้องเก็บสิ่งนี้เป็นความทรงจำหนึ่งของชีวิตเราติดตามพร้อมกันครับ

ขณะที่รถเมล์สายหนึ่งที่ชาวบ้านคุ้นเคยกำลังวิ่งจากตัวจังหวัดไปยังอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งของจังหวัดบุรีรัมย์ ในช่วงปลายฝนต้นหนาว ยามนี้สองฟากข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งนาอันเขียวขจี ต้นตาลล้อลู่ลอยลม ลมพัดเย็นๆ แต่ในความสงบนี้มักมีเหตุการณ์บางอย่างซ่อนดูเสมอ

ในขณะนั้นเองบนรถเมล์สายเดิมบนที่นั่งเบาะกลางคันรถ มีสองพ่อลูกคู่หนึ่ง กำลังคุยเรื่องอะไรกันเสียงดังพอที่จะทำให้คนอื่นสงสัย รำคาญ มองไปเห็นคนที่ชวนคุยน่าจะเป็นฝั่งลูกชายมากกว่า อายุราว 20 ต้นๆ แต่ช่างสัก ช่างถาม ช่างสงสัย ราวเด็ก 5 ขวบ

ลูกชาย : พ่อนั้น นาใช่ไหมครับ สีมันเขียวดีจริงๆ โห มันกว้างใหญ่ขนาดนี้เลยหรือครับ

ลูกชาย : พ่อครับ นั้นเค้าเรียก รถไถนา ใช่ไหมครับ คันมันดูแปลกๆ ดีนะครับ

ลูกชาย : พ่อครับ นั้นเค้าเรียก ต้นตาล ใช่ไหมครับ มันสูงมากเลยจริงๆ

ต่อจากนั้น เสียงพูดคุยจากลูกชายออกมาอย่างไม่ขาดสาย จ้อเก่งราวเด็ก 5 ขวบที่เหมือนทุกอย่างดูแปลกตาไปหมด

เมื่อเป็นอย่างนั้น มีคนผู้โดยสารคนหนึ่ง เข้ามาทักและก็พูดว่า

นี้ลูกคุณเป็นอะไรหรือเปล่า ไหนๆ ถ้ามีเวลาพาเค้าไปหาหมอบ้างนะ คุยไม่หยุดเลย

พ่อ : ขอโทษครับ ลูกชายผม เค้าเพิ่งไปหาหมอมาครับ

หลังจากคำขอโทษไม่นาน เมื่อรถวิ่งมาถึงตัวอำเภอ ลูกชายก็มองออกไปนอกหน้าต่างแล้ว ยิ้ม หัวเราะ รู้สึกสนุก และถามในสิ่งที่คนทั่วไปรู้กันอยู่แล้ว

ลูกชาย : พ่อ นั่นมันร้านเซเว่น ใช่ไหมพ่อ

              พ่อนั่นมันร้านข้าวที่พ่อมาผมมากินบ่อยๆ

               พ่อนั่น ป้าที่ขายของอยู่ ที่เรารู้จักใช่มั้ย

คนในรถเริ่มจะสงสัยว่าน้องคนนี้แปลกๆ ทำไมโตขนาดนี้แล้ว ไม่รู้จักหรืออย่างไร ป้าคนหนึ่งที่นั่งอยู่หลังเบาะเริ่มรำคาญได้ถามกลับไปว่า

ป้า : “นี้คุณพาลูกไปโรงพยาบาลบ้างนะ

พ่อนิ่งไปสักพักยิ้มและตอบออกมาอย่างความจริงใจ

พ่อ : ครับ ผมเพิ่งพาลูกกลับมาโรงพยาบาล ดวงตาทั้งสองของลูกผมไม่เห็นมากว่า20 ปี วันนี้ลูกผมเพิ่งหาย ตาเค้ากลับมามองเห็นอีกครั้ง

...................................................................................

เวลานี้ผู้โดยสารทั้งคัน เข้าใจแล้ว ในเหตุผลว่าทำไม น้องจึงรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นและไม่รู้สึกโกรธและรำคาญในสิ่งที่เค้าได้ถามมาตลอด

เรื่องนี้ได้สอนอะไรดีๆกับผม เพราะคนส่วนใหญ่เมื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว จะคิดนำไปก่อน คิดแต่เรื่องไม่ดี ไม่ได้เอาใจอยู่กับปัจจุบันและเหตุผลที่มันควรจะเป็น

แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช้สิ่งที่ผิดนะครับ เพราะทุกๆ คนมีสิทธิ์จะคิด แต่ถ้าเรามองดูให้ดีๆ ถ้าการคิดลบแล้วมันทำให้เรามีแต่จะทุกข์ เราก็ควรปล่อยมันเสียบ้าง Let it be (ปล่อยให้มันเป็นไปของมัน) แต่ถึงกระนั้นอย่างไร เราก็ไม่ควรทิ้งหลักสำคัญที่เราควรยึดดั่งภาษาโบราณที่บอกว่า “เชื่อหู ไว้หู” วางใจให้เป็นกลางๆ พิจารณาตามสิ่งแวดล้อมและเหตุผล ประคับประคองสิ่งดีๆ ที่เรามีให้เพิ่มพูนขึ้นทุกวัน  สุดท้ายเชื่อว่าชีวิตของคุณจะสุขได้ ด้วยตัวของคุณเอง

เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ

เรียบเรียง By นายริตะ

แชร์