"ท่านคุณานันทะกับการโต้วาทะกอบกู้ศาสนาของพระชาวศรีลังกา" ควรฟังอย่างยิ่ง ได้ปัญญามาก
สามเณรคุณานันทะ รักตัวเอง รักการฝึกฝนตนเองอย่างยิ่งยวดและสอนตนเองได้ว่า เราต้องรับผิดชอบพุทธศาสนาอันยิ่งใหญ่ ได้อุปสมบท มีบุคลิกไม่เหมือนชาวพุทธทั่วไป เป็นการประลองปัญญาโต้วาทะธรรม กันกับศาสนาอื่น ถึง ๕ ครั้ง ในเวลาถึง ๙ ปี http://winne.ws/n20517
“ท่านคุณานันทะ ทำให้พวกศาสนาอื่นหวาดผวาเหมือนนักย่องเบาเห็นพระจันทร์เต็มดวง ลอยเด่นขึ้นมาฉะนั้น”หมายความว่า นักย่องเบานั้นชอบความมืด ยิ่งมืดมากยิ่งชอบ จะได้ย่องเบาไปเอาทรัพย์ของคนอื่นได้ แต่นักย่องเบาจะกลัวแสงสว่าง เพราะฉะนั้น
เมื่อพระจันทร์เต็มดวงขึ้นมา ก็จะกลัวเจ้าของทรัพย์เขาเห็น เพราะเหตุที่ท่านทำงานพระพุทธศาสนาแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ท่านทำงานหนักโดยไม่หยุดหย่อนเลย จึงอาพาธอยู่เนือง ๆ แม้แพทย์ที่เก่งที่สุดขอให้ท่านวางมือจากการงานเสียบ้าง แต่ท่านก็ไม่ได้ทำตามคำแนะนำของแพทย์เพราะเห็นความสำคัญของงานพระพุทธศาสนามากกว่า
จนกระทั่งวันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ.๒๔๓๓ ท่านจึงได้มรณภาพไปด้วยอาการสงบ เหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวันพลันดับลง ด้วยสิริอายุได้ ๖๗ ปี นับเป็น ๖๗ ปี ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่งต่อพระพุทธศาสนา และอนุชนตราบจนถึงทุกวันนี้
เมื่อท่านมรณภาพแล้ว ได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ของท่านขึ้นที่วัดปทุตตาราม เมืองโคลัมโบ เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงคุณความดีของท่าน
ท่านคุณานันทะวัย 12 ขวบ บวชวันนั้น เทศน์วันนั้นเลย เทศน์โต้รุ่ง แต่คนฟังไม่หนีเลย
สามเณรคุณานันทะ รักตัวเอง รักการฝึกฝนตนเองอย่างยิ่งยวดและสอนตนเองได้ว่า เราต้องรับผิดชอบพุทธศาสนาอันยิ่งใหญ่
เมื่อสามเณรอายุได้ ๒๑ ปี ได้อุปสมบท และเป็นพระภิกษุที่มีบุคลิกไม่เหมือนชาวพุทธทั่วไป มีัลักษณะเป็นพระที่ดี น่าเลื่อมใส เพราะท่านรักพุทธศาสนามากกว่าชีวิต
ใคร ๆ ก็คิดว่า ไม่นาน พุทธศาสนา คงหมดไปจากเกาะศรีลังกา แม้นักเขียนก็เชื่อเช่นนั้น ว่าคงไม่เกินปี ค.ศ.๑๔๔๓ แน่นอน
ประกาศตนเพื่อกอบกู้และปกป้องพระพุทธศาสนา จากการรุกรานจากศาสนาอื่น โดยใช้ปัญญาเป็นอาวุธเป็นประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในศรีลังกา
แล้ววันสำคัญมาถึง เป็นการประลองปัญญาโต้วาทะธรรม กันกับศาสนาอื่น ถึง ๕ ครั้ง ในเวลาถึง ๙ ปี
ครั้งที่ ๑ เดือนกุมภาพันธ์ ปี ๒๔๐๘ ทำให้ชาวพุทธที่เคยท้อแท้ เริ่มมีความหวังในการกอบกู้พระพุทธศาสนาขึ้นมาบ้าง
ครั้งที่ ๒ เดือนสิงหาคม ปี ๒๔๐๘ ทำให้ผู้ฟังทั้งสองศาสนา มาฟังการโต้วาทะธรรมเพิ่มมากขึ้น
ครั้งที่ ๓ เดือนกุมภาพันธ์ ปี ๒๔๐๙ ทำให้ศาสนาอื่นเข็ดขยาดไม่อยากมาตอแยกับท่านอีกอีกถึง 5 ปี
ครั้งที่ ๔ เดือนมกราคม ปี ๒๔๑๔ ทำให้ผู้แทนศาสนาอื่น เข็ดหลาบและกลับปรับปรุงตนเองใหม่
ครั้งที่ ๕ เดือนสิงหาคม ปี ๒๔๑๔ เป็นการโต้วาทะธรรมที่ใหญ่ที่สุด เป็นความเป็นความตายของศาสนา แบ่งเป็น ๒ วัน รวม ๔ รอบ ผลคือศาสนาอื่นพ่ายแพ้ต่อการสนทนาอย่างราบคาบ ไม่กล้าเผชิญหน้ากับท่านอีก ทำให้มีการตีพิมพ์คำโต้เป็นภาษาอังกฤษ ในนิตยสารดังไปทั่วโลก ทำให้ชาวพุทธกลับมาเฉลิมฉลองพิธีวันวิสาขบูชาในพุทธศาสนาได้อีกครั้งในปี ๒๔๒๘ การข่มเหงเบียดเบียนชาวพุทธก็หมดไป
ฟังต่อเต็ม ๆ ได้อรรถรสและปัญญาได้ที่..คลิปนี้ครับ : https://youtu.be/vPHRACXuU2Y