ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี!!!สังคมยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีโค้ชช่วยแนะ"การใช้ชีวิต"หลายรูปแบบเหลือเกิน

สังคมมนุษย์ยุคโซเชียลเน็ตเวิร์กในทุกวันนี้ มีโคชช่วยแนะนำแนวทางการใช้ชีวิตหลายรูปแบบมาก จนบางครั้งก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดีอยากทราบว่า ในพระพุทธศาสนามีคำแนะนำแนวทางการใช้ชีวิตที่เป็นมาตรฐานบ้างหรือไม่ว่าควรเป็นอย่างไร ? http://winne.ws/n20745

1.7 พัน ผู้เข้าชม
ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี!!!สังคมยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ก  มีโค้ชช่วยแนะ"การใช้ชีวิต"หลายรูปแบบเหลือเกิน


ก่อนจะตอบคำถามนี้ ให้เรามาใคร่ครวญดูให้ดีก่อนว่า ชีวิตคืออะไร ?

     ๑. ชีวิต คือ การเป็นอยู่ในอัตภาพนี้ในโลกนี้ ในระยะเวลาหนึ่ง ปัจจุบันนี้ใครจะมีชีวิตอยู่เกินร้อยปีก็หาได้ยาก แทบจะนับคนได้สุดท้ายแล้วชีวิตก็ดับไป และแล้วก็ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในภพภูมิใหม่ มีชีวิตใหม่กันอีก

     ๒. ชีวิตประกอบไปด้วยทุกข์ ซึ่งเราเคยทำความเข้าใจกันมาแล้วว่า ทุกข์ในโลกนี้แบ่งออกได้เป็น ๔ ประเภท

      พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นชีวิตแรกของสัตวโลกที่กำจัดทุกข์ให้สิ้นไปหลุดพ้นจากทุกข์ไปได้ ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป

        ทุกข์นำมาซึ่งความเดือดร้อน ความหิวกระหาย ความทุรนทุรายแก่ชีวิต เมื่อทุกชีวิตประกอบไปด้วยทุกข์ ๔ การดำเนินชีวิตให้เป็นอยู่อย่างดีและสามารถพัฒนาได้ จึงเป็นไปเพื่อดับทุกข์หรือปราบทุกข์ ๔ นั่นเอง

       จากตรงนี้เราก็พอทราบกันแล้วว่า เรา จะดำเนินชีวิตไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไร ดังนั้นวิธีการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องจึงเปน็ การประกอบการงานต่าง ๆ เพื่อปราบทุกข์ ๔

ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี!!!สังคมยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ก  มีโค้ชช่วยแนะ"การใช้ชีวิต"หลายรูปแบบเหลือเกิน

ทุกข์ ๔ ประกอบด้วย

      ๑. ทุกข์จากสรีระ ๒. ทุกข์จากการอยู่ร่วมกัน ๓. ทุกข์จากการทำมาหาเลี้ยงชีพหรือการประกอบอาชีพ ๔. ทุกข์จากกิเลส

       วิธีการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องประกอบด้วย

     ๑. วิธีดำเนินชีวิตเพื่อการปราบทุกข์จากสรีระ  ๒. วิธีดำเนินชีวิตเพื่อการปราบทุกข์จากการอยู่ร่วมกัน ๓. วิธีดำเนินชีวิตเพื่อการปราบทุกข์จากการประกอบอาชีพ ๔. วิธีดำเนินชีวิตเพื่อการปราบทุกข์จากกิเลส

ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี!!!สังคมยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ก  มีโค้ชช่วยแนะ"การใช้ชีวิต"หลายรูปแบบเหลือเกิน

พระพุทธองค์จึงทรงสอนว่า เราทำความดีคนเดียวไม่ได้ ต้องชักชวนผู้อื่นทำความดีด้วย แต่เวลาเราจะชักชวนผู้อื่นทำความดี สิ่งที่ต้องมีคือหลักธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจ นั่นคือ สังคหวัตถุ ๔ เพราะถ้าไม่มีหลักธรรมนี้ ถึงเราจะลงทุนลงแรง คือ ให้เวลา ให้ทรัพย์สมบัติ ให้ความรู้ความเข้าใจในการแก้ไขปัญหาทุกข์ ๔ ของบุคคลรอบตัวไปมากเท่าไร ก็จะไม่ประสบความสำเร็จในการรักษามิตรแท้ในทิศทั้ง ๖ ไว้ได้เลย เพราะเราช่วยเหลือคน แต่ยึดเหนี่ยวน้ำใจคนไม่เป็นนั่นเอง

        สังคหวัตถุ ๔ ประกอบด้วย ๑. ทาน ๒. ปิยวาจา ๓. อัตถจริยา ๔. สมานัตตตา

ทาน แก้ปัญหาทุกข์ในสรีระ

      ทุกข์ในสรีระ คือ สภาวะที่มนุษย์ประสบกับความหนาว ร้อน หิว กระหาย อุจจาระปัสสาวะ อยู่เป็นประจำ เพราะมนุษย์ขาดแคลนธาตุ ๔ ขาดแคลนปัจจัย๔ ตลอดชีวิต จึงมีกิจที่จะต้องแสวงหาปัจจัย ๔ เหล่านี้ ในยามที่ขาดแคลนแสวงหาไม่ได้ ยามนั้นหากมีใครยื่นมือยื่นน้ำใจส่งมอบปัจจัย ๔ ที่กำลังขาดแคลนมาให้ มนุษย์จะมีความชื่นใจเกิดขึ้น ทาน คือการให้ จึงมีความสำคัญและยึดเหนี่ยวน้ำใจกันไว้เช่นนี้

ปิยวาจา แก้ปัญหาทุกข์จากการอยู่ร่วมกัน

     ทุกข์จากการอยู่ร่วมกันที่ต้องระมัดระวังการกระทบกระทั่งกันไว้ตลอด และการกระทบกระทั่งที่เกิดขึ้นได้ง่าย และได้มากที่สุดก็เกิดจากคำพูดที่พลั้งเผลอไม่ถนอมน้ำใจกันนี่เอง ดังนั้นปิยวาจา คือ คำพูดที่ทำให้รักกัน ถนอมน้ำใจกัน จึงเป็นกาวใจที่รักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันไว้ได้ และเป็น สิ่งที่ต้องการในการอยู่ร่วมกัน

อัตถจริยา แก้ปัญหาทุกข์จากการประกอบอาชีพ

     ทุกข์จากการประกอบอาชีพ ในการแสวงหาทรัพย์สินเงินทองเพื่อการเลี้ยงชีพนั้นหากยังมีเรี่ยวแรงกำลังกายอยู่ ทุกคนทำงานเองได้ หาเงินได้ แต่อาจจะติดขัดตรงที่ความรู้ความสามารถไม่ถึงหรือไม่มี จากตรงนี้หากผู้รู้มากกว่าจะช่วยทำประโยชน์ให้ด้วยการชี้แนะแนวทาง สอนวิธีการให้ ถ่ายทอดวิชาให้ ก็จะเป็นการช่วยเหลือสนับสนุนให้เขาสามารถประกอบอาชีพด้วยตนเอง อัตถจริยา คือ การประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น จึงเป็นธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจกันในทิศ ๖ ในลักษณะนี้

สมานัตตตา แก้ปัญหาทุกข์จากกิเลสบีบคั้น

      ทุกข์จากกิเลสที่บีบคั้นใจให้มีพฤติกรรมมีนิสัยไม่ดีต่าง ๆ เราก็อยากจะแก้ไข บางทีเราไม่ทราบด้วยว่านิสัยนี้ไม่ดี การจะแก้ไขข้อบกพร่องได้ก็ต้องอาศัยการชี้บอกจากคนใกล้ชิดในทิศ ๖ ที่เรามีความไว้วางใจ ความเป็นกันเอง ที่เชื่อใจได้ว่าที่เขาพูดออกมา      เพราะเขามีความปรารถนาดีกับเราจริง ความมั่นใจเชื่อใจในตัวบุคคลเกิดจากความประพฤติตนอันสม่ำเสมอของคน ๆ นั้น ได้แก่ธรรมที่เรียกว่า สมานัตตตา

      เพราะเหตุนี้ สังคหวัตถุ ๔ จึงเป็นคุณธรรมที่จำเป็นสำหรับวิธีดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง นั่นก็เพราะทุกข์จากกิเลสในตัวมนุษย์นี้เอง ที่บังคับให้มนุษย์ต้องประสบทุกข์อีก ๓ ประการ การฝึกตนเพื่อแก้ไขทุกข์ ๔ ของตัวเองไปด้วย 

การปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยสังคหวัตถุ ๔ ไปด้วย ก็จะทำให้เราเกิดบรรยากาศฝึกตัวไปด้วยกัน ทำดีไปด้วยกัน ซึ่งจะเกิดเป็นวิถีชีวิตที่ดีงาม สังคมที่อยู่ตรงนั้นก็จะกลายเป็นสังคมที่น่าอยู่นั่นเองดังนั้น เมื่อเราเข้าใจภาพรวมแนวทางการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องเช่นนี้ เราก็เริ่มต้นด้วยการประพฤติตามความดีสากล ๕ ประการ พร้อมกับปฏิบัติสังคหวัตถุ ๔ ไปด้วย เราก็จะประสบความสำเร็จในการฝึกตนเอง และช่วยเหลือสนับสนุนให้คนในครอบครัว ในที่ทำงาน ในสังคมของเราแก้ทุกข์ ๔ ในตัวของเขาไปด้วยกันได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความต่อเนื่องสม่ำเสมอ ฝึกทำให้ชำนาญจึงจะส่งผลให้วิธีดำเนินชีวิตที่ถูกต้องนี้ประสบผลสำเร็จในการดูแลรักษาชีวิตและพัฒนาชีวิตต่อไปได้



คัดย่อบางส่วนจาก

หลวงพ่อตอบปัญหา

https://www.dmc.tv/pages/good_QA/

ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี!!!สังคมยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ก  มีโค้ชช่วยแนะ"การใช้ชีวิต"หลายรูปแบบเหลือเกิน
แชร์