ไมโครเวฟอันตรายก่อมะเร็งจริงหรือ??? มาฟังความจริงจากนักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญกันเลยค่ะ

เตาไมโครเวฟ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่แทบจะมีติดบ้านเนื่องจากใช้งานง่ายสะดวก แต่หลายคนที่ยังคงกลัวว่าการใช้เตาไมโครเวฟอุ่นอาหารจะ ทำให้คุณค่าทางอาหารเสียไป และส่งผลให้อาหารเหล่านั้นเป็นพิษก่อมะเร็ง จริงหรือไม่อย่างไรมาดูกันเลยค่ะ http://winne.ws/n21051

1.6 พัน ผู้เข้าชม
ไมโครเวฟอันตรายก่อมะเร็งจริงหรือ??? มาฟังความจริงจากนักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญกันเลยค่ะ

เตาไมโครเวฟ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่แทบจะมีติดบ้านทุกหลังเนื่องจากวิธีการใช้งานที่ง่ายและสะดวก ไม่ว่าจะเป็นอุ่นอาหาร ต้มน้ำ หรือบางรุ่นก็พัฒนาจนสามารถอบอาหารอบขนมได้ แต่ถึงจะสะดวกอย่างไรก็ตาม ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังคงกลัวว่าการใช้เตาไมโครเวฟอุ่นอาห ารจะ ทำให้คุณค่าทางอาหารเสียไป และส่งผลให้อาหารเหล่านั้นเป็นพิษต่อร่างกาย ทำให้ร่างกายเกิดสารอนุมูลอิสระ และผลสุดท้ายก็จะกลายเป็นมะเร็งในที่สุด 


ฟังดูอาจจะน่ากลัว แต่ช้าก่อน ! ความเชื่อนี้เป็นจริงอย่างนั้นเหรอ เจ้าเตาไมโครเวฟนี้อันตรายจริงหรือไม่ เราลองไปฟังข้อเท็จจริงจากผู้เชี่ยวชาญกันเลยดีกว่าค่ะ 

ไมโครเวฟอันตรายก่อมะเร็งจริงหรือ??? มาฟังความจริงจากนักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญกันเลยค่ะ

ผศดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปิดเผยเอาไว้ในรายการ วิทยาตาสว่าง ว่าเตาไมโครเวฟเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความปลอดภัย และไม่ได้เป็นอุปกรณ์ที่ให้ความร้อนโดยตรง แต่ใช้การอุ่นอาหารด้วยคลื่นวิทยุที่ทำให้ได้อาหารที่มีคุณภาพด ีกว่าการหุงต้มแบบปกติ อีกทั้งเตาไมโครเวฟนั้นประกอบด้วยวัสดุที่ป้องกันคลื่นรังสีที่ อยู่ภายในไม่ให้ออกมาภายนอก ทำให้มีความปลอดภัยสูงมาก 

ส่วนในเรื่องที่มีการระเบิดขึ้นเมื่อต้มน้ำ หรือต้มไข่ในไมโครเวฟ อาจารย์เจษฎาได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โดยปกติแล้ว การใช้ไมโครเวฟในการอุ่นอาหารต่าง ๆ จะต้องนำอาหารหรือน้ำใส่ในภาชนะที่ไม่ปิดจนมิดชิดเกินไป เพราะเมื่ออุ่นอาหารในเตาไมโครเวฟผ่านไประยะหนึ่งแล้วก็จะเกิดความดันภายในภาชนะ หากภาชนะไม่มีรูสำหรับระบายอากาศก็จะทำให้เกิดการระเบิดได้ อาทิเช่น การต้มไข่ ถ้าหากต้มในไมโครเวฟก็อาจจะทำให้ไข่ระเบิดได้และเป็นอันตรายได้ 

แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถใช้ไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัย 100% เพราะถ้าหากต้มน้ำในไมโครเวฟนานจนเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดปรากฎก ารณ์ Super Heat ซึ่งเป็นภาวะที่น้ำและภาชนะกักเก็บความร้อนเอาไว้มากจนเกินกว่าจุดเดือดซึ่งก็คือ 100 องศาเซลเซียส ทำให้เมื่อเราตักผงกาแฟหรืออย่างอื่นลงไปในน้ำก็จะทำให้น้ำพุ่ง ขึ้ นมาจากแก้วเป็นอันตรายได้ 

นอกจากนี้ การใช้ภาชนะที่มีส่วนประกอบของอะลูมิเนียม ก็ต้องระวังเช่นกัน ประเภทของอะลูมิเนียมฟอยล์ที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ก็จะต้องม ีลักษณะเป็นผิวเรียบ ไม่มีมุมแหลม เพราะอะลูมิเนียมฟอยล์ที่ถูกทำให้มีรอยพับ มุมแหลม จะก่อให้เกิดประกายไฟในไมโครเวฟ และก่อให้เกิดความร้อนมากจนเกินไปได้ และถ้าหากเกิดความร้อนและประจุไฟฟ้ามากเกินไปไมโครเวฟก็จะเสียไ ด ้เช่นกัน 

ทั้งนี้อาจารย์เจษฎาก็ยังให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้ไมโครเว ฟอย่างปลอดภัยไว้ด้วยว่า หากต้องการต้มไข่ในไมโครเวฟ ก็ควรจะใส่เกลือลงไปด้วย จะทำให้ไข่ไม่ระเบิด ส่วนการต้มน้ำ เพื่อลดการเกิด Super Heat ควรใส่แท่งพลาสติกหรือไม้จิ้มฟันลงไปด้วยเพื่อลดแรงตึงผิวของน้ำ ทำให้เมื่อนำของใส่ลงไปในภาชนะหลังจากนำน้ำออกจากไมโครเวฟแล้ว จะไม่เกิดการระเบิด ที่สำคัญวัสดุและภาชนะที่ใช้ในไมโครเวฟก็ควรที่จะเป็นภาชนะที่ใ ช้สำหรับไมโครเวฟเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยค่ะ 

ไมโครเวฟอันตรายก่อมะเร็งจริงหรือ??? มาฟังความจริงจากนักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญกันเลยค่ะ

ใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหาร ก่อมะเร็ง จริงหรือ? 

เราอาจจะเคยได้ยินกันมานานว่าการใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหารอาจเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งได้ แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่มีผลการศึกษาแน่ชัด โดย Ellie Krieger นักโภชนาการชื่อดังได้เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ในบทความบนเ ว็บไซต์ The Washington Post ว่า แม้ไมโครเวฟจะมีวิธีการทำงานด้วยการปล่อยรังสีเข้าไปในโมเลกุลอ าหารและสั่นสะเทือนจนเกิดความร้อน แต่รังสีเหล่านี้ก็ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างแน่นอน 

เนื่องจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ ได้กำหนดมาตรฐานของอุปกรณ์ไมโครเวฟถึงการรั่วไหลของรังสีไมโครเ วฟ ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว รังสีที่รั่วไหลออกมาจากไมโครเวฟยังมีปริมาณน้อยกว่ารังสีจากอุ ปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เช่น ไวไฟเราเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์มากเลยล่ะค่ะ แต่ถ้าหากอยากให้มั่นใจก็ควรจะอยู่ให้ห่างจากไมโครเวฟขณะที่ยัง ทำงานอยู่ค่ะ 

ทราบกันแบบนี้แล้ว ใครที่กลัวว่าไมโครเวฟจะเป็นอันตรายก็เบาใจกันได้แล้ว แต่ถีงอย่างไรก็ตามก็ควรจะอ่านคู่มือการใช้ให้ละเอียดก่อนจะนำไ มโครเวฟมาใช้จะดีกว่าค่ะ เพื่อความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เพจนานาสาระเพื่อสุขภาพ

ภาพจาก www.google.co.th

แชร์