"พูดดีเป็นศรีแก่ปาก"!!!#พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอน"วิธีการพูด"ไว้อย่างไร???
อภัยราชกุมารสูตร เป็นพระสูตรที่กล่าวถึงการกล่าววาจาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพวกเราสามารถนำมาใช้เป็นแบบอย่างได้ดีทีเดียวเช่น" วาจาที่ไม่จริง/ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้น เป็นที่รัก/เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น – ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น" http://winne.ws/n21267
นิครนถ์นาฏบุตรสอนคำถาม
ครั้งหนึ่ง “นิครนถ์นาฏบุตร” ผู้ซึ่งเป็นนักบวชนอกศาสนาพุทธ ได้คิดคำถามขึ้นมา 1 ข้อ เพื่อถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยคาดหวังว่าคำถามนี้จะทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตอบไม่ได้ และ จะทรงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และเมื่อนั้น คนทั้งหลายก็จะเลิกนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อนั้น นิครนถ์นาฎบุตร ได้ไปกราบทูล อภัยราชกุมาร ผู้เป็นศิษย์ ถึงคำถามนี้ และได้ให้ อภัยราชกุมาร นำคำถามนี้ไปถามแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคำถามนี้คือ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระตถาคตจะพึงตรัสพระวาจาอันไม่เป็นที่ชอบใจของคนอื่นบ้างหรือหนอ
นิครนถ์นาฏบุตรได้อธิบาย คำถามนี้ไว้ว่า
ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตอบว่า พึงกล่าววาจาอันไม่เป็นที่รัก/ที่ชอบใจของคนอื่น ก็ให้พระกุมารตอบกลับไปว่า แล้วเช่นนั้นพระองค์จะต่างอะไรจากคนธรรมดา เพราะคนธรรมดาต่างก็กล่าว วาจาอันไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของคนอื่น
ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตอบว่า ไม่พึงกล่าววาจาอันไม่เป็นที่รัก/ที่ชอบใจของคนอื่น ก็ให้พระกุมารตอบกลับไปว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโกหก พระองค์เคยทรงพยากรณ์พระเทวทัตว่า เทวทัตจะไปเกิดในอบาย ไปเกิดในนรกอเวจี ซึ่งวาจานั้นได้ทำให้พระเทวทัตเสียใจ
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเจอคำถามสองเงื่อนนี้เข้าไปแล้ว ก็จะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และ อภัยราชกุมารก็จะเป็นฝ่ายมีชัยเหนือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ ชื่อเสียงของพระองค์จะระบือไปไกล
อภัยราชกุมารทูลถามคำถามกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อภัยราชกุมารได้เดินทางไปหาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ ทูลถามคำถามนั้นกับพระองค์ ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสตอบว่า
ดูกรราชกุมาร ในปัญหาข้อนี้ จะวิสัชนาโดยส่วนเดียวมิได้
เมื่อได้ยินคำตอบเพียงเท่านี้ อภัยราชกุมารก็อุทานขึ้นว่า “คำถามของพวกนิครนถ์ได้ฉิบหายแล้ว”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้ถามกลับว่า “เหตุใดพระกุมารถึงอุทานเช่นนั้น” ซึ่งพระกุมารก็ได้อธิบายที่มาของคำถามนี้ทั้่งหมดแก่พระพุทธองค์ว่า นิครนถ์นาฏบุตรได้สอนคำถามนี้ พร้อมทั้งจุดมุ่งหมายของคำถามนี้
วาจาที่ประกอบด้วยประโยชน์
ขณะนั้น อภัยราชกุมารได้อุ้มเด็กอ่อนนอนไว้บนไว้ตัก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสกับอภัยราชกุมารไว้ว่า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า: ถ้ากุมารน้อยนี้เผลอเอาไม้เอากรวดมาใส่ในปาก พระองค์จะทำอย่างไร
อภัยราชกุมาร: กระหม่อมจะนำออกเสีย ถ้านำไม่ออกก็จะใช้กำลังเอามือควักออกมา แม้ว่าจะต้องทำให้กุมารนี้ต้องเลือดออกก็ตาม ทั้งหมดนี้ก็เพราะหม่อมฉันรักและเอ็นดูพระกุมาร
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า: ตถาคตก็เช่นกัน
1.วาจาที่ไม่จริง/ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ วาจานั้นไม่เป็นที่รัก/ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น – ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น
2.วาจาที่จริง/ที่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ วาจานั้นไม่เป็นที่รัก/ไม่เป็นที่ ชอบใจของผู้อื่น – ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น
3.วาจาที่จริง/ที่แท้ ประกอบด้วยประโยชน์ วาจานั้นไม่เป็นที่รัก/ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น – ตถาคตย่อมรู้กาลที่จะพยากรณ์วาจานั้น
4.วาจาที่ไม่จริง/ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้น เป็นที่รัก/เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น – ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น
5.วาจาที่จริง/ที่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้นเป็นที่รัก/เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น – ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น
6.วาจาที่จริง/ที่แท้ ประกอบด้วยประโยชน์ วาจานั้นเป็นที่รัก/เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น – ตถาคตย่อมรู้กาลที่จะพยากรณ์วาจานั้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ ตถาคตมีความเอ็นดูในสัตว์ทั้งหลาย
พุทธปฏิภาณ
ถัดมา พระอภัยราชกุมาร ได้ถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อว่า
อภัยราชกุมาร: เวลามีคนถามคำถาม พระพุทธเจ้าท่าน ต้องนึกคำตอบหรือว่าคำตอบนั้นปรากฏออกมาเองได้โดยทันที
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ถามกลับไปว่า: “พระกุมาร ท่านเชี่ยวชาญในรถยนต์ เวลามีคนถามว่า ชิ้นส่วนต่างๆของรถยนต์เรียกว่าอะไร พระกุมารต้องนึกก่อน หรือ ตอบได้ทันที”
พระราชกุมาร: “ข้าพระองค์เป็นทหารรถ สามารถตอบได้ทันทีได้ไดยไม่ต้องตรึก พระเจ้าข้า”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า: “ฉันนั้นก็เหมือนกัน คำถามที่มีคนถาม เราตถาคต ย่อมรู้แจ้งขึ้นมาได้ทันที เพราะ ธรรมทั้งหลายเราได้แทงตลอดแล้ว”
อภัยราชกุมารแสดงตนเป็นอุบาสก
จากนั้น พระอภัยราชกุมาร ได้กล่าวว่า คำเทศนาของพระพุทธเจ้า ช่างแจ่มแจ้งนัก ดุจดั่ง พลิกของคว่ำให้หงาย เปิดของที่ปิด ชี้ทางแก่คนหลงทาง และ ดั่งประทีปในยามมืด
ว่าแล้วอภัยราชกุมารก็ประกาศตนเป็นอุบาสก มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
• พรรษาสิบเจ็ด ธ อยู่ ….เวฬุวัน
เจ้าจอมขวัญ "อภัยกุมาร"…. ขานปัญหา
“นิครนถ์นาฏบุตร”…. ขุดปัญญา
ฝากมาท้า กล้าคิด…. จิตไม่ดี
• “จะทรงเอ่ย เผยคำ…. ไม่ฉ่ำจิต
ให้ลูกศิษย์ ผิดใจ…. ได้หมองศรี”
ธ กล่าวแย้ง แจ้งถาม…. ตามวลี
มีหลายที่ ที่ต้องแจง…. แฝงความนัย
• "อภัยกุมาร" ผ่านคำ…. กรรมแน่แล้ว
ธ ทรงแว่ว จึงถาม…. ตามสงสัย
พระกุมาร ผ่านคำ…. ว่าบรรลัย
อาจารย์ใช้ ให้เกล้าลอง…. มองปัญญา
• ธ จึงถาม ตามเห็น…. เช่นเด็กน้อย
ดินเพียงก้อย ในศอ…. ก่อปัญหา
ท่านจะทำ เช่นไร…. ให้ไขมา
กุมารว่า ให้เด็กรอด…. ยอมสอดมือ
• แม้นโลหิต ตกต้อง…. ร้องไห้จ้า
ก็จะคว้า ให้ขยอก…. ออกมาถือ
ด้วยหม่อมฉัน รักเด็ก จนเลื่องลือ
จึงยอมยื้อ ยอมเจ็บ…. เก็บออกมา
• ธ จึงเน้น เช่นกัน…. นั้นแน่แท้
ทางที่แก้ แค่พิศ…. คิดภาษา
ควร “พูดจริง" "ยิ่งประโยชน์"…. โปรดทุกครา
“ถูกเวลา” “ถูกที่ทาง”…. วางให้ดี
• "อภัยกุมาร" ถามต่อ…. ข้อสงสัย
คิดก่อนไหม หากคนถาม…. ตามเซ้าซี้
ธ ถามบ้าง อ้างรถ…. กฎต้องมี
อาหลั่ยนี้ มีไหม…. อย่างไรกัน
• เกล้ากระหม่อม ชำนาญ…. การสร้างรถ
ตอบได้หมด ไม่ต้องตรึก…. หรือนึกฝัน
อาตมา ก็เป็น…. เช่นจำนรรค์
รู้เท่าทัน ทุกแง่…. แค่มองไป
• "อภัยกุมาร" คลานกราบ…. ทาบบาทเจ้า
ขอยึดเอา อุบาสก….ยกเอาไว้
ขอยึดยื้อ ถือชัด…. รัตนไตร
ฝากชื่อไว้ ให้โลกรู้…. ชูพระนาม
ที่มา:
http://cheerfulpeace.blogspot.jp/2017/12/blog-post_85.html
https://trang82.wordpress.com/2010/09/18//อภัยราชกุมารสูตร/
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=13&A=1607
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=39613&start=75