สำนักขาาวจากประเทศจีน ระบุว่า ชายแซ่เจิ้ง วัย 33 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมนายเฉา ผู้เป็นลุงของภรรยา แต่เขาได้แสร้งทำเป็นว่า ตนเองเป็นคนใบ้ ไม่สามารถพูดคุยสื่อสารได้เช่นคนทั่วไป ระหว่างการหลบหนีคดียาวนาน 12 ปี แต่สุดท้ายการทำเช่นนั้นก็ทำให้เขาต้องสูญเสียความสามารถในการพูดไปจริง ๆ

ข่าวระบุว่า นายเจิ้งมีปากเสียงกับนายไช่เรื่องค่าเช่าจำนวน 500 หยวน (ราว 2,500 บาท) จนกระทั่งนายเจิ้งใช้ของมีคมแทงนายไช่จนถึงแก่ความตาย จากนั้นนายเจิ้งจึงหลบหนีออกจากบ้านของตัวเองในเมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของประเทศ แกล้งเป็นใบ้ทำตัวเป็นของทานขอเงินภายใต้ชื่อปลอมว่า หวัง กุ้ย

หลังจากวันเวลาผ่านไป นายเจิ้งได้ไปสร้างชีวิตใหม่อยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในมณฑลอานฮุย ซึ่งอยู่ห่างไปทางตอนเหนือของนครหางโจว 700 กิโลเมตร ที่นั่นเขาได้ประกอบอาชีพเป็นคนงานก่อสร้าง แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเลิกเป็นขอทานแล้ว เขากลับยังคงแกล้งเป็นใบ้ต่อไปเรื่อย ๆ และหลังจากนั้น เขาก็ได้มีครอบครัว มีภรรยาและลูกชาย 1 คน แต่ทั้งนี้ เขาก็ไม่เคยพูดกับภรรยาหรือลูกเลยสักครั้ง เพราะกลัวว่าความลับที่ปิดไว้จะถูกเปิดเผยออกมา ด้วยเหตุนี้ทำให้ทุกคนรอบตัวเขาต่างเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาเป็นใบ้จริง ๆ 

แต่การหลบหนีของนายเจิ้งก็สิ้นสุดลงเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลังจากตำรวจทำการสำรวจสำมะโนครัวประชากรในหมู่บ้านของเขา ทำให้เจ้าหน้าที่รู้ว่านายเจิ้งไม่มีเอกสารระบุตัวตนอย่างเป็นทางการ จึงได้นำตัวอย่างเลือดไปตรวจสอบดีเอ็นเอ และได้รู้ว่าเขาคือคนร้ายคดีฆาตกรรมซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต         

และแกล้งเป็นใบ้นานกว่า 12 ปี สูญเสียความสามารถในการพูดไปอย่างสิ้นเชิง โดยรายงานท้องถิ่นระบุว่า เส้นเสียงของเขาเกิดการอ่อนแอและเสื่อมสภาพ เนื่องจากขาดการใช้งานเป็นเวลานาน จนทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ 

         ดังนั้นนายเจิ้งจึงต้องใช้วิธีการเขียนในการติดต่อสื่อสารกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเมื่อเขาถูกถามว่า เพราะเหตุใดถึงต้องแกล้งทำเป็นใบ้ด้วย เขาได้เขียนตอบกลับมาว่า "ยิ่งผมพูดน้อยเท่าไหร่ โอกาสที่จะพลาดก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น"

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

https://hilight.kapook.com/view/165872

www.google.co.th