"อย่าลืมว่าต้นทุนรัฐกับศาสนามีค่าไม่เท่ากัน" บทความดี ๆให้ข้อคิดจากคอลัมน์"ริ้วผ้าเหลือง

สถาบันสงฆ์มี “ทุนทางสังคม” มากกว่าสถาบันการเมือง แม้ทุนทางสังคมจะร่วงแต่ก็ไม่ถึงกับ “กองหนุนหมด” ” หวังว่าปี 2561 นี้ ไพร่ฟ้าจะหน้าใส ประชาชนมีสุขกันทั่วถ้วนหน้า... http://winne.ws/n21640

1.0 พัน ผู้เข้าชม
"อย่าลืมว่าต้นทุนรัฐกับศาสนามีค่าไม่เท่ากัน" บทความดี ๆให้ข้อคิดจากคอลัมน์"ริ้วผ้าเหลือง

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เตือน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า “กองหนุนกำลังหมด แต่หากทำความดีตอบแทนคุณแผ่นดิน ไม่มีเรื่องเสื่อมเสียทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนจริง คนก็จะกลับมาสนับสนุนมากยิ่งขึ้น...”

"อย่าลืมว่าต้นทุนรัฐกับศาสนามีค่าไม่เท่ากัน" บทความดี ๆให้ข้อคิดจากคอลัมน์"ริ้วผ้าเหลือง

ฉับพลันที่ฟังโอวาทของประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ทำให้ผมนึกทบทวนสถานการณ์ “สถาบันสงฆ์” ตลอดปี 60 สถาบันสงฆ์ก็ตกอยู่ในลักษณะคล้ายๆ กับรัฐบาล คือ “กองหนุนลด” ส่วนคณะสงฆ์ “ทุนทางสังคมร่วง” อันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ต่างๆ

ทั้งศึกที่เกิดจากภายในและศึกที่มาจากภายนอก ศึกภายในประเภท “สาวไส้ให้กากิน” และสื่อมวลชนบ้านเราก็รับลูกปั่นกระแส “ความวุ่นวาย” ในวงการคณะสงฆ์จนทำให้เกิด “วิกฤติศรัทธา” อย่างที่คณะสงฆ์ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน อย่างเช่น “เรื่องการรับเงินทอง” 

"อย่าลืมว่าต้นทุนรัฐกับศาสนามีค่าไม่เท่ากัน" บทความดี ๆให้ข้อคิดจากคอลัมน์"ริ้วผ้าเหลือง
"อย่าลืมว่าต้นทุนรัฐกับศาสนามีค่าไม่เท่ากัน" บทความดี ๆให้ข้อคิดจากคอลัมน์"ริ้วผ้าเหลือง

ได้มีโอกาสพูดคุยกับพระภิกษุหลายรูป ซึ่งหลายรูปยอมรับว่า “เจอผลกระทบ” จริงๆ บางรูปเล่าให้ฟังว่า “ไปกิจนิมนต์” บางบ้านไม่ยอมถวายปัจจัยเพราะเชื่อว่า “หากถวายเงิน” ให้กับพระสงฆ์แล้วจะบาปและทั้งพระสงฆ์เองก็จะ “ผิดพระวินัย” 

เรื่องการปฎิรูปคณะสงฆ์ในปี 60 ก็ปั่นจนส่งผลกระทบไปทั่วหย่อมหญ้า ทั้งเรื่องรื้อถอนวัด สำนักสงฆ์ในเขตป่า เรื่องวัดพระธรรมกาย ทั้งเรื่องนี้โดยส่วนตัวเชื่อโดยสุจริตใจว่าไม่มีอะไรในก่อใผ่ นอกจากต้องการแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ในมาตรา 7 เรื่อง “ตำแหน่งประมุขสงฆ์” เท่านั้น

"อย่าลืมว่าต้นทุนรัฐกับศาสนามีค่าไม่เท่ากัน" บทความดี ๆให้ข้อคิดจากคอลัมน์"ริ้วผ้าเหลือง

พวกเราชาวพุทธจะเห็นว่า เมื่อสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชจบ สถานการณ์ความวุ่นวายในคณะสงฆ์ก็เบาบางลง อาจจะมีตามมาบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับข้าราชการในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คือ “เรื่องเงินทอน” และเรื่องวัดพระธรรมกายที่ถูกกล่าวหาว่า “มีการฟอกเงิน” ส่วนเรื่องอื่นๆ บรรดาคนที่เคยเคลื่อนไหวเรื่องการปฎิรูปคณะสงฆ์มีเปิดประเด็นบ้างก็เพื่อ “รักษากระแส” รักษาฐานมวลชนแฟนคลับเอาไว้เท่านั้น

ในขณะที่มหาเถรสมาคมเอง กรรมการบางรูปก็ “จุกอก น้ำท่วมปาก” เพราะถูกล่าวหาว่าเข้าไปพัวพันกับเรื่องต่างๆ บางเรื่องเกี่ยวข้องกับ “การทุจริต” บางเรื่องเกี่ยวข้องกับ “ตำแหน่งทางปกครอง” แต่สุดท้ายต้องดำรงตนนิ่งตามสุภาษิตไทยที่ว่า “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง”

"อย่าลืมว่าต้นทุนรัฐกับศาสนามีค่าไม่เท่ากัน" บทความดี ๆให้ข้อคิดจากคอลัมน์"ริ้วผ้าเหลือง

ส่วนพระภิกษุประเภทเป็นพระนักเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็นพระเมธีธรรมาจารย์ หลวงปู่พุทธอิสระ ตอนนี้ก็ “ปิดปากเงียบ” ซึ่งผมในฐานะเป็นคนวัดก็ขอกราบอนุโมทนา การเคลื่อนไหวในสถานการณ์แบบนี้ “ไม่ส่งผลดีต่อพุทธศาสนา” อะไรเลย มีแต่เสียกับเสีย

สิ่งที่จะต้องจับตาในปี 2561 ผมคิดว่าคณะสงฆ์คงจะมีการปรับตัวตามกระแสความต้องการของชาวพุทธมากยิ่งขี้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องพฤติกรรม วัตรปฎิบัติที่ไม่สอดคล้องกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เรื่องเงินๆ ทองๆ ภายในวัด รวมทั้งเรื่องการรับมือกับ “ภัยนอกศาสนา”

การรับมือกับภัยนอกศาสนาเป็นเรื่องใหญ่ที่ชาวพุทธกลุ่มหนึ่งกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้นในนาม สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย ตอนนี้กำลังจะแปรงร่างเป็น “พรรคแผ่นดินธรรม” เพื่อรักษาพระพุทธศาสนาไว้ให้อยู่กับแผ่นดินไทยตราบนานเท่านาน ก็ไม่รู้จะว่า จะประสบความสำเร็จหรือไม่?

"อย่าลืมว่าต้นทุนรัฐกับศาสนามีค่าไม่เท่ากัน" บทความดี ๆให้ข้อคิดจากคอลัมน์"ริ้วผ้าเหลือง

เพราะวัฒนธรรมชาวพุทธไม่เหมือนศาสนาอื่น พวกเราถูกสอนมาให้มักน้อยสันโดษ ถูกสอนมาให้ “เดินสายกลาง” ไม่นิยมการรวมตัว และที่สำคัญเท่าที่ทราบตัวแกนนำพรรคแผ่นดินธรรมก็ไม่มี “ผู้นำที่โดดเด่น-น้ำหล่อเลี้ยงก็เหือดแห้ง” มีเพียงแต่ “หัวใจ” ที่จะทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาเท่านั้น

ส่วนอีกเรื่องที่จะต้องจับตามองในปี 61 นี้ ก็คือคดี “วัดพระธรรมกาย” แต่คดีวัดพระธรรมกาย หากผมเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากคิดจะรักษากระแสความนิยมเอาไว้ไม่ให้ร่วงมากกว่านี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ DSI ดำเนินไปตามกรอบกฎหมาย และพยายามปรับตัวเข้ากับคณะสงฆ์ให้มากยิ่งขึ้น “บิ๊กตู่” อย่าลืมสถาบันสงฆ์มี “ทุนทางสังคม” มากกว่าสถาบันการเมือง แม้ทุนทางสังคมจะร่วงแต่ก็ไม่ถึงกับ “กองหนุนหมด” หวังว่าปี 2561 นี้ ไพร่ฟ้าจะหน้าใส ประชาชนมีสุขกันทั่วถ้วนหน้า...

ขอเจริญพร!!

…..............................

คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง

โดย “เปรียญ10” : [email protected]


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

https://www.dailynews.co.th/article/618997

www.google.co.th

แชร์