อภินิหารแห่งเหรียญ ผู้ก่อตั้ง Ripple ขึ้นเป็นเศรษฐีอันดับ 5 ของโลก รวยกว่า Zuckerberg

บุคคลที่โดดเด่นที่สุดคือ Chris Larsen อดีตซีอีโอของบริษัท (ปัจจุบันเป็นประธานบอร์ด) ที่มี XRP ในครอบครองถึง 5.19 พันล้านหน่วย และหุ้นของบริษัทอีก 17% http://winne.ws/n21641

926 ผู้เข้าชม

จากเหตุการณ์ที่ สกุลเงิน Ripple (XRP) พุ่งแรง กลายเป็นเงินดิจิทัลอันดับ 2 ของโลก แซงหน้า Ethereum (ขณะที่เขียนข่าว มูลค่ารวมทั้งตลาดประมาณ 123 พันล้านดอลลาร์)ผลที่ตามมาคือผู้ถือเงินสกุล XRP ต่างกลายเป็นเศรษฐี (ตามตัวเลขในกระดาษ) กันถ้วนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัท Ripple ที่ถือครอง XRP สัดส่วนมหาศาล คิดเป็น 61.3% ของปริมาณเงินสกุล XRP ทั้งหมด

บุคคลที่โดดเด่นที่สุดคือ Chris Larsen อดีตซีอีโอของบริษัท (ปัจจุบันเป็นประธานบอร์ด) ที่มี XRP ในครอบครองถึง 5.19 พันล้านหน่วย และหุ้นของบริษัทอีก 17% (ปริมาณที่ถือครองไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ Forbes อ้างว่าได้ตัวเลขมาจากคนในบริษัท) ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ของเขามีจำนวนมหาศาล เมื่อคูณด้วยราคาของเหรียญ XRP ที่พุ่งขึ้นในช่วงนี้

อภินิหารแห่งเหรียญ ผู้ก่อตั้ง Ripple ขึ้นเป็นเศรษฐีอันดับ 5 ของโลก รวยกว่า ZuckerbergChris Larsen ภาพจาก Ripple

ในจังหวะที่ XRP มีราคาแพงที่สุดในรอบสัปดาห์ มูลค่าสินทรัพย์ของ Larsen สูงถึง 59 พันล้านดอลลาร์ แซงหน้า Mark Zuckerberg ขึ้นเป็นเศรษฐีอันดับ 5 ของโลกด้วยซ้ำ (ก่อนที่ราคาจะตกและอันดับก็ตกลงมา)

ส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ถือครอง XRP จำนวนมากคือ Brad Garlinghouse ซีอีโอคนปัจจุบันที่ถือหุ้น 6.3% ของบริษัท และถือเหรียญ XRP อีกจำนวนหนึ่ง และ Jed McCaleb ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทที่ปัจจุบันลาออกไปแล้ว (ไปตั้งบริษัท Stellar และสกุลเงิน Lumens) แต่ยังมีเหรียญ XRP เหลืออยู่ 5.3 พันล้านหน่วย

อภินิหารแห่งเหรียญ ผู้ก่อตั้ง Ripple ขึ้นเป็นเศรษฐีอันดับ 5 ของโลก รวยกว่า ZuckerbergBrad Garlinghouse ภาพจาก Ripple

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขสินทรัพย์เหล่านี้ถือเป็นมูลค่าทางทฤษฎีเท่านั้น และไม่มีอะไรการันตีว่ามูลค่าของ Ripple จะคงอยู่ในระดับนี้ได้อีกนานแค่ไหน เพราะหลังจาก The New York Times ตีพิมพ์บทความว่า ธนาคารหลายแห่งสนใจเทคโนโลยีของ Ripple แต่ไม่สนใจตัวเหรียญ XRP ก็ทำให้มูลค่าของ XRP ตกลง (Ripple ไม่เปิดเผยชื่อธนาคารที่ใช้งาน XRP โดยระบุว่าเป็นเรื่องความลับทางการค้า)

รู้จัก Ripple

Ripple เป็นบริษัทที่นำระบบ blockchain มาใช้เพื่อโอนเงินระหว่างธนาคาร เพื่อแก้ปัญหาการโอนเงินข้ามประเทศ-ข้ามสกุลเงินที่มีความยุ่งยาก จุดต่างสำคัญของ Ripple จากสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ คือเครือข่าย RippleNet เป็นเครือข่ายปิด (permissioned blockchain) ที่ให้ใช้งานเฉพาะธนาคารที่เป็นสมาชิกเท่านั้น ต่างจาก Bitcoin หรือ Ethereum ที่เป็นเครือข่ายเปิด (public หรือ permissionless)

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีของ Ripple ก็ได้รับความสนใจจากธนาคารหลายแห่งทั่วโลกมาลองใช้งาน รวมถึงมีธนาคารบางแห่งก็เข้ามาลงทุนใน Ripple ด้วย ซึ่งในไทยก็มี Diigital Ventures บริษัทลูกของธนาคารไทยพาณิชย์ เข้าไปลงทุนตั้งแต่ปี 2016

แชร์