กรมชลฯเร่งเดินหน้าสร้างเขื่อนใหม่ 4 แห่ง เสริมความจุเขื่อนอีก 6แห่ง เพิ่มน้ำ 375 ล้านลบ.ม.ในภาคตะวันออก รองรับการใช้เขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ อีอีซี อีก20ปีใช้น้ำ1 พันล้านลบ.ม.

วันที่ 16 ม.ค.2561 นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงแผนการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำเพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดชายฝั่งทะเลตะวันออก คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ว่าภายในปี 2580 หรืออีก 20 ปี จะมีความต้องการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และอุตสาหกรรมเพิ่มสูงถึง 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี จากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม และภาคการท่องเที่ยว ดังนั้นการหาแหล่งน้ำรองรับในช่วง 5 ปีแรก กรมชลฯเพิ่มความจุของเขื่อน หรือ อ่างเก็บน้ำที่มีอยู่ 6 แห่ง เพื่อใช้งานให้เต็มศักยภาพ คือ อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำหนองค้อ อ่างเก็บน้ำบ้านบึง อ่างเก็บน้ำมาบประชัน และอ่างเก็บน้ำคลองสียัด โดยมีศักยภาพกักเก็บน้ำเพิ่มขึ้นได้อีกรวม 75 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)

พร้อมกับมีโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำ 4 แห่งใหม่ ที่มีความจุรวมกันกว่า 300 ล้านลบ.ม. ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำให้กับพื้นที่ได้อย่างชัดเจน เช่นอ่างเก็บน้ำคลองประแกด ความจุ 60.26 ล้านลบ.ม.ในโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำคลองวังโตนด จ.จันทรบุรี จะแล้วเสร็จปี2561

"สร้างความมั่นใจให้กับชาวจังหวัดจันทบุรี 1,500 ครัวเรือน พื้นที่ได้ประโยชน์ 46,000 ไร่ มีน้ำใช้เพียงพอให้ภาคเกษตร สวนผลไม้ ช่วงฤดูแล้งมีปัญหาน้ำขาดแคลน และช่วยบรรเทาความเดือดร้อนช่วงหน้าฝนเกิดอุทกภัย ยังส่งน้ำให้กับพื้นที่ภาคตะวันออก ใช้ในการอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม ขณะนี้อ่างเก็บน้ำคลองประแกด ก่อสร้างได้กว่า 87 % และเก็บกักน้ำได้แล้ว รับน้ำเข้าอ่างฯ 27.7 ล้านลบ.ม. และมีอีก 2 อ่างที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เช่น อ่างเก็บน้ำคลองพะวาใหญ่ ความจุ 68 ล้านลบ.ม. อ่างเก็บน้ำคลองหางแมว ความจุ 80 ล้านลบ.ม. ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อปี 2560 และอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด ความจุ 99 ล้านลบ.ม. ได้ศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA แล้วเสร็จ โดยอยู่ระหว่างเสนอ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ สผ. เพื่อพิจารณา"นายทองเปลว กล่าว

ที่มา: https://www.siamrath.co.th/n/29525