มส.มีมติบวชระยะสั้นต้อง 15 หรือ 30 วัน ขึ้นไป เพราะ 7 วันไม่เพียงพอศึกษาหลักธรรม

มติมส.ให้บวชระยะสั้นต้อง 15 หรือ 30 วัน ขึ้น 7 วันน้อยไปไม่ทันได้เรียนรู้หลักธรรม พร้อมให้พศ.แจ้งไปยังพระสังฆาธิการทั่วประเทศปฏิบัติตาม ส่วนบวชแก้บน บวชหน้าไฟไม่ได้ห้าม http://winne.ws/n21872

1.3 พัน ผู้เข้าชม
มส.มีมติบวชระยะสั้นต้อง 15 หรือ 30 วัน ขึ้นไป เพราะ 7 วันไม่เพียงพอศึกษาหลักธรรม

มหาเถรสมาคมมีมติเห็นชอบให้ปรับเวลาบวชระยะสั้นอย่างน้อย15-30 วันทุกวัดทั่วประเทศ เพราะแค่7วันไม่เพียงพอต่อการศึกษาหลักธรรมพร้อมให้พศ.แจ้งไปยังพระสังฆาธิการทั่วประเทศปฏิบัติตาม

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พุทธมณฑล จ.นครปฐม มีการประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) โดยการประชุมครั้งนี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อัมพโร) ทรงลาการประชุม สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดเทพศิรินทราวาส ซึ่งมีสมณศักดิ์สูงสุดที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ จึงปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุมมส. โดยมีวาระสำคัญคือ การพิจารณาหลักสูตรการบวชระยะสั้น ที่ทางมส. จะกำหนดว่าการบวชระยะสั้นควรจะมีเวลากี่วัน

มส.มีมติบวชระยะสั้นต้อง 15 หรือ 30 วัน ขึ้นไป เพราะ 7วันไม่เพียงพอศึกษาหลักธรรม

มส.มีมติบวชระยะสั้นต้อง 15 หรือ 30 วัน ขึ้นไป เพราะ 7 วันไม่เพียงพอศึกษาหลักธรรม

ภายหลังการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง นายสมเกียรติ ธงศรี ผู้ตรวจราชการ พศ. แถลงผลการประชุม มส.ว่า มส.มีมติเห็นชอบตามที่คณะทำงานร่างหลักสูตรการบวชระยะสั้น ประกอบด้วย พระพรหมบัณฑิต พระพรหมมุนี พระพรหมดิลก และพระพรหมโมลี เสนอ โดยใช้หลักสูตรศาสนศึกษาสำหรับผู้บวชระยะสั้น 30 วัน ซึ่งเป็นหลักสูตรที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ให้มีการจัดทำขึ้น มาเป็นต้นแบบในการพิจารณา

โดย มส.กำหนดให้การบวชระยะสั้นจะต้องมีระยะเวลา 15 วัน หรือ 30 วัน ส่วนการบวชแก้บน การบวชหน้าไฟ หรือ การบวชตามประเพณีที่มีระยะเวลาในการบวชไม่ถึง 15 วัน ที่ประชุม มส.ไม่ได้พูดถึง แต่มีการปรารภในที่ประชุมว่า การบวชระยะสั้นเพียง 7 วัน ถือว่าน้อยเกินไป และจะไม่ได้เรียนอะไรเลย โดยหลังจากนี้ทาง พศ. จะทำหนังสือแจ้งไปยังเจ้าคณะผู้ปกครองทั่วประเทศ ในส่วนหลักสูตรการบวชที่ผ่านมติ มส.แล้วนั้น เหลือการตรวจในเนื้อหารายละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะนำเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ www.onab.go.th ต่อไป

หลักสูตรการบวชระยะสั้นของมส.นั้น จะเน้นการอบรมพระใหม่ใน 6 วิชา คือ ธรรมะ, วินัย, พุทธประวัติ, เทศนา, ศาสนพิธี, ภาวนา

มส.มีมติบวชระยะสั้นต้อง 15 หรือ 30 วัน ขึ้นไป เพราะ 7 วันไม่เพียงพอศึกษาหลักธรรม

นายสิปป์บวร แก้วงาม ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กล่าวว่า หลักสูตรการบวชระยะสั้นของมส.นั้น จะเน้นการอบรมพระใหม่ใน 6 วิชา คือ ธรรมะ, วินัย, พุทธประวัติ, เทศนา, ศาสนพิธี, ภาวนา ซึ่งการปรับระยะเวลาการบวชระยะสั้น และมีหลักสูตรอบรมนั้น เนื่องจากมส.เห็นว่า ผู้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาจะต้องสามารถนำหลักธรรมไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย เช่น เรื่องการอาราธนาศีลเกี่ยวกับศาสนพิธี การฝึกสมาธิ เป็นต้น

ด้านพระพรหมเมธี โฆษกมส. กล่าวว่า ในส่วนของการบวชหน้าไฟ บวชแก้บน รวมไปถึงการบวชตามประเพณี ที่มีระยะเวลาไม่ถึง 15 วัน นั้น มส.ไม่ได้ห้าม แต่หากมีผู้ที่ต้องการจะบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ มส.จะเน้นให้ต้องบวชในระยะเวลา 15 วัน หรือ 30 วัน

การบวชหน้าไฟ บวชแก้บน รวมไปถึงการบวชตามประเพณี ที่มีระยะเวลาไม่ถึง 15 วัน นั้น มส.ไม่ได้ห้าม

มส.มีมติบวชระยะสั้นต้อง 15 หรือ 30 วัน ขึ้นไป เพราะ 7 วันไม่เพียงพอศึกษาหลักธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่ มส.ออกมติกำหนดระยะเวลาในการบวชดังกล่าว สืบเนื่องจากการประชุมมส. เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2560 สมเด็จพระสังฆราช ทรงปรารภในที่ประชุม มส.ว่า สมควรที่ มส.กำหนดวิธีดำเนินการให้พระภิกษุ สามเณร ประพฤติปฏิบัติตนให้มั่นคงในพระธรรมวินัย สมฐานะผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา ให้คณะสงฆ์เป็นที่นับถือต่อสังคมไทย โดย มส.ได้รับสนองพระปรารภดังกล่าว และออกเป็นมติ

 1.ให้พระสังฆาธิการทบทวนปฏิบัติตามกฎ มส.ฉบับที่ 23 พ.ศ.2541 ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ กฎ มส.ฉบับที่ 24 พ.ศ.2541 การแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ฉบับที่ 17 พ.ศ. 2536 ว่า ด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์ เพื่อให้แก้ไขความเสื่อมและปรับปรุงคุณภาพของพระสงฆ์ จะได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ชัดอย่างรวดเร็วและยั่งยืน

2.ให้พระสังฆาธิการและพระอุปัชฌาย์ เพิ่มความเข้มงวดกวดขันในการปกครอง ควบคุมสอดส่องดูแลอบรมพระภิกษุสามเณรในปกครอง ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ กฎมส. มติ ประกาศ พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชอย่างเคร่งครัด และเพิ่มความละเอียดถี่ถ้วนคัดกรองผู้ขอเข้าบรรพชาอุปสมบท 

3.ให้พระสังฆาธิการและพระอุปัชฌาย์ กำหนดหลักเกณฑ์อบรมพระภิกษุในปกครองให้เป็นที่พึ่งทางใจและทางสติปัญญาของประชาชน และบำเพ็ญกิจเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ


ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์

ภาพจาก www.google.co.th

แชร์