การใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ต้องรู้และทำอย่างไรบ้างครับ ?

ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญต่อการใช้รถใช้ถนน เนื่องจากเป็นผลดีต่อทั้งตังผู้ขับขี่เองและเพื่อนร่วมทางรอบข้าง แต่ทำไมสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จึงเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ "ความประมาท" และ "การขาดความรู้เรื่องการใช้รถใช้ถนน" น่าจะเป็นเหตุหลัก http://winne.ws/n21958

1.1 หมื่น ผู้เข้าชม
การใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ต้องรู้และทำอย่างไรบ้างครับ ?แหล่งภาพจาก WeGoInter.com

การใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ต้องทำอย่างไรบ้าง ?

           ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญต่อการใช้รถใช้ถนน  เนื่องจากเป็นผลดีต่อทั้งตังผู้ขับขี่เองและเพื่อนร่วมทางรอบข้าง  แต่ทำไมสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จึงเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ  ซึ่งเมื่อตัดปัจจัยของการเพิ่มปริมาณรถยนต์บนท้องถนนที่มีโอกาสทำให้ตัวเลขผู้ประสบอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้นแล้ว  "ความประมาท" และ "การขาดความรู้เรื่องการใช้รถใช้ถนน" น่าจะเป็นสาเหตุหลักของอุบัติการณ์อันน่าสลดใจเหล่านี้

           การเป็นนักขับรถที่ดีไม่ใช่จะขับรถอย่างเดียว  ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนนในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้

ความรู้เกี่ยวกับรถที่นำมาใช้

         1. ห้ามนำรถที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรงมาใช้ในทางเดินรถ  เพราะอาจเกิดอันตรายหรืออาจทำให้ผู้ใช้และคนรอบข้างเสียสุขภาพ เช่น รถตัวถังผุ ยางล้อรถไม่มีดอกยาง มีควันดำ ฯลฯ

         2. รถที่นำมาใช้ต้องมีโคมไฟหน้า-หลัง-ไฟเลี้ยว-ไฟจอด-ไฟเบรก-ไฟฉุกเฉิน-แตร-เบรกมือที่ใช้การได้-ที่ปัดน้ำฝน  ครบถูกต้องตามกฎหมาย  และต้องติดแผ่นป้ายทะเบียนหน้า-หลัง และติดป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีด้วย

ความรู้ในเรื่องอุบัติเหตุจราจรและการป้องกัน

         อุบัติเหตุเป็นเรื่องที่เราป้องกันได้  โดยการแก้ไขจากสาเหตุที่ทำให้เกิดนั้น  สำหรับการใช้รถใช้ถนนแล้ว  สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุแก่ผู้ขับขี่ยานพาหนะตลอดจนสร้างความเสียหายแก่ผู้อื่นโดยส่วนรวม  ได้แก่

         1. ผู้ขับขี่ขาดความรอบรู้ในการใช้รถใช้ถนน

         2. ประชาชนผู้เดินถนนขาดความรู้เกี่ยวกับการเดินถนน  ตลอดจนการโดยสารรถที่ปลอดภัย

         3. ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และขับรถอยู่บนความประมาทขาดความระมัดระวัง หรือขับรถในขณะมึนเมา ซึ่งอุบัติเหตุบนท้องถนนในปัจจุบันที่กำลังเพิ่มปริมาณขึ้นเกิดจากสาเหตุนี้โดยหลักใหญ่  ดังจะเห็นได้ว่ามีโครงการรณรงค์ไม่ให้ผู้ขับรถดื่มสุราหรือของมึนเมาขณะขับรถ       

การใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ต้องรู้และทำอย่างไรบ้างครับ ?แหล่งภาพจาก Manager Online

ความรู้ในการขับรถที่เสี่ยงต่ออันตราย 

          หมายถึงการขับรถบนถนนที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ เช่น ถนนลื่น ขึ้นลงเขาหรือขับรถทางไกล ซึ่งผู้ขับขี่ควรมีความรู้ต่าง ๆ ดังนี้

          1. ขับรถขณะฝนตกถนนลื่น  ควรชะลอความเร็วรถให้ช้าลงกว่าปรกติและทิ้งระยะห่างจากคันหน้าให้มากขึ้น  ถ้าขับรถอยู่บนทางที่ให้รถขับสวนกันก็ควรเปิดไฟหน้ารถเพื่อเตือนให้รถที่วิ่งสวนมามองเห็น  เวลาจะหยุดรถควรใช้เกียร์ช่วยไม่ควรเหยียบเบรกโดยกระทันหันหรือหักพวงมาลัยรถอย่างฉับพลันเพราะอาจทำให้รถปัดหรือหมุนได้

          2. ขับรถขึ้น-ลงเขาสูง  เวลาขับรถขึ้นเขาควรใช้เกียร์ต่ำที่มีกำลังพอเพราะถ้าเครื่องยนต์ไม่มีกำลังพอจะทำให้รถดับได้  ถ้ารถดับและไหลลงจากเขาเหยียบเบรกและใช้เบรกมือช่วย  ส่วนเวลาลงเขาก็ควรใช้เกียร์ต่ำเช่นกันเพื่อฉุดกำลังไม่ให้ไหลเร็วจนเกินไป  หรือคอยประคองรถด้วยการเหยียบเบรกชะลอให้รถช้าพอที่จะบังคับได้

          3. การขับรถทางไกล  ในบางครั้งเมื่อมีความจำเป็นต้องขับรถเดินทางไกล ซึ่งอาจมีโอกาสประสบอุบัติเหตุได้  ดังนั้นผู้ขับขี่ควรปฏิบัติตน ดังนี้ 

            -  ตรวจสภาพและอุปกรณ์ต่างๆ ของรถ  ให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีและปลอดภัยก่อนออกเดินทาง เช่น ตรวจช่วงล่าง  วัดลมยาง ยางอะไหล่ เตรียมแม่แรง ตรวจระบบเบรก หม้อน้ำ  น้ำมันเครื่อง ฯลฯ

            -  เตรียมอุปกรณ์และอะไหล่ที่จำเป็นระหว่างทาง  เช่น ฟิวส์ต่างๆ  ไฟฉาย ฯลฯ

            -  ก่อนขับรถทางไกล  ผู้ขับขี่ควรพักผ่อนอย่างเพียงพอ

            -  การขับขี่รถทางไกลในระยะทางเกินกว่า 150 กม. ควรมีอีกคนคอยเปลี่ยนขับ

            -  งดเว้นการดื่มสุรา  หรือของมึนเมาทุกชนิด

            -  ถ้ามีฝนตกขณะเดินทาง  น้ำโคลนกระเด็นเปื้อนไฟรถ  ควรหยุดรถแล้วเช็ดให้สะอาด

            -  ถ้าน้ำในหม้อน้ำหมดระหว่างขับรถ  เวลาเติมน้ำในหม้อน้ำควรใช้ความระมัดระวัง  อย่าเอาหน้าเข้าใกล้มาก  เพราะน้ำจะดันฝาไอน้ำร้อนจะเข้าตาหรือถูกมือและอย่าเติมน้ำทันทีต้องปล่อยให้เย็นเสียก่อนมิฉะนั้นฝาสูบหรือเสื้อสูบจะแตก

            -  ควรศึกษาแผนที่  คู่มือการท่องเที่ยว  ถามผู้รู้เมื่อเกิดปัญหา

            -  ขับรถปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

การใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ต้องรู้และทำอย่างไรบ้างครับ ?แหล่งภาพจาก ไทยรัฐ

ความรู้ในการใช้รถหลังจากเกิดอุบัติเหตุ

            เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้ว  หากผู้ขับรถมีความรู้เพียงพอที่จะบรรเทาเหตุนั้นไม่ให้นำไปสู่ความรุนแรงได้ก็จะเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยป้องกันได้  ซึ่งอุบัติเหตุที่ควรรู้และสามารถแก้ไขได้ทันท่วงทีมีดังนี้

            * เบรกแตก  คือเมื่อเหยียบเบรกแล้ว คันเหยียบเบรกจมหายไปและรถไม่หยุด ก็อย่าตกใจ แก้ไขได้โดยใช้เกียร์ต่ำในทันที หากจวนตัวมากก็ควรเปลี่ยนจากเกียร์ 4 มาเกียร์ 2 เลยแล้วดึงเบรกมือช่วย พรัอมกับประคองพวงมาลัยให้อยู่ในบังคับเพื่อหลบหลีกรถอื่นๆ ในกรณีคับขันได้

            * ยางแตกหรือระเบิด  อาการของยางแตกเพราะรั่วโดยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง  ยางจะค่อยๆ แบนลง พวงมาลัยรถจะหนักหรือกินไปทางด้านนั้น วิธีแก้ต้องรีบเบารถทันทีโดยเปลี่ยนเกียร์ลงเรื่อยๆ เพื่อใช้เครื่องชะลอรถให้ช้าลง ในขณะที่รถแล่นด้วยความเร็วสูง "อย่าเหยียบเบรก" จะเหยียบได้ก็ต่อเมื่อรถช้าลงแล้วและแอบเข้าข้างทางเพื่อเปลี่ยนยางต่อไป

             ในกรณีที่ยางระเบิดมีเสียงดังและรถมีอาการทรุดฮวบ แฉลบหรือปัดเฉออกนอกแนวทาง  ก็อย่าตกใจ ต้องคุมสติให้อยู่  อย่าเหยียบเบรกเพราะรถอาจคว่ำได้  พยายามบังคับพวงมาลัยให้รถอยู่ในเส้นทาง  รีบปล่อยคันเร่งพร้อมกับเปลี่ยนใช้เกียร์ต่ำลดลงเรื่อยๆ เพื่อชะลอให้รถช้าลง จึงค่อยเหยียบเบรกและแอบเข้าข้างทางเพื่อเปลี่ยนยางต่อไป

             *  รถเสีย  ให้นำรถจอดแอบเข้าข้างทางและจะต้องเปิดไฟสัญญาณฉุกเฉินเพื่อเตือนให้รถอื่นๆ เห็น

             *  เมื่อรถชนกันกลางถนนไม่สามารถแอบเข้าข้างทางได้  ผู้ประสบเหตุหรือประชาชนไม่ควรเข้าไปมุงดู  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลากลางคืนเพราะอาจเกิดอันตรายจากรถที่วิ่งสวนทางมาได้ บางครั้งรถอื่นอาจพุ่งเข้าไปใส่ฝูงชนจะทำให้ตายและบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น และควรรีบแจ้งตำรวจให้เข้ามาดูแลสถานการณ์โดยเร็ว

การใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ต้องรู้และทำอย่างไรบ้างครับ ?แหล่งภาพจาก khaosod.co.th

ความรู้สำหรับคนเดินเท้า

              1. การเดินถนน

                  -  ถนนที่มีทางเท้าจัดไว้ควรเดินบนทางเท้า  อย่าเดินใกล้ทางรถ  โดยหันหลังให้รถที่กำลังแล่นมา  ก่อนที่จะก้าวลงทางรถต้องมองซ้าย-ขวาก่อนเสมอ 

                  -  ถนนที่ไม่มีทางเท้า  ควรเดินชิดขอบริมทางขวาของถนน  และถ้ามากันเป็นหมู่คณะก็ไม่ควรเดินคู่กัน  ควรเดินเรียงเดี่ยว  

                  -  เวลาจูงเด็กควรให้เด็กเดินด้านในของถนนและจับมือเด็กไว้ให้มั่นเพื่อป้องกันเด็กวิ่งออกไปในทางรถ 

                  -  การเดินถนนในที่มืด  ควรสวมเสื้อขาวและถ้าเป็นไปได้ควรพกไฟฉายติดตัวไว้สำหรับส่องทาง  

                  -  แถวหรือขบวนทหาร ตำรวจ ลูกเสือ หรือนักเรียนที่เดินกันอย่างเป็นระเบียบจะเดินบนทางรถก็ได้โดยเดินชิดทางรถด้านขวาหรือด้านซ้ายตามความจำเป็น 

              2. การข้ามถนน  
                  -  ควรข้ามถนนบนทางม้าลายทุกครั้ง  หรือใช้สะพานลอยซึ่งถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด  และหากจำเป็นต้องข้ามถนนในเวลากลางคืนก็ควรหาที่ข้ามที่มีแสงสว่าง  
                  -  ก่อนข้ามถนนทุกครั้งควรมองซ้าย-ขวาให้แน่ใจว่าไม่มีรถกำลังแล่นมา จึงจะข้ามได้  และควรเดินอย่างรวดเร็ว  อย่าวิ่งข้ามถนน  
                  -  อย่าข้ามถนนโดยออกจากที่กำบังตัว เช่น ออกจากซอย รถที่จอดอยู่เพราะหากรถที่วิ่งสวนมามองไม่เห็นล่วงหน้าอาจทำให้เกิดอันตรายได้  
                  -  การข้ามถนนที่รถเดินทางเดียว  ต้องแน่ใจเสียก่อนว่ารถแล่นมาทางไหนและมีความปลอดภัยพอจึงจะข้ามได้  
                  -  ถนนที่มีเกาะกลางถนนต้องข้ามทีละครึ่งถนน  โดยข้ามครั้งแรกแล้วพักที่เกาะกลาง จากนั้นจึงข้ามครึ่งหลังต่อไป  
                  -  การข้ามถนนในช่องทางข้ามที่บริเวณทางแยกควรระวังรถที่จะเลี้ยวเข้ามาหาตัวท่านด้วย  
                  -  อย่าข้ามถนนเมื่อตำรวจกำลังปล่อยรถเดินอยู่  หรือเมื่อตำรวจให้สัญญาณห้ามคนเดินเท้าอยู่  และถ้าไม่มีตำรวจแต่มีสัญญาณไฟคอยบอก  ถ้าเห็นรูปคนสีเขียวกะพริบขึ้นที่สัญญาณไฟก็ให้รีบข้ามถนนโดยเร็ว  

              3.  การขึ้นลงรถประจำทาง  
                  -  อย่าขึ้นหรือลงรถประจำทางจนกว่ารถจะหยุดสนิทที่ป้ายหยุดรถ  และถ้าจะข้ามถนนต้องรอให้รถประจำทางออกไปให้พ้นเสียก่อน  จะได้มองเห็นรถคันอื่นที่แล่นมาได้ชัดเจน   

                  การสวมหมวกนิรภัย  หรือหมวกกันน็อค
เป็นกฏข้อบังคับอย่างเคร่งครัดที่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และคนโดยสารจะต้องสวมหมวกนิรภัยไม่ว่ากรณีใดก็ตามเพื่อความปลอดภัยต่อตัวผู้ขับขี่และผู้โดยสารซึ่งหากมีการละเมิดฝ่าฝืนไม่ทำตามทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท  เตือนตัวเองไว้เสมอว่า   "ลืมหมวก  เจอหมู่" 

อ่านต่อได้ที่: http://www.huaiphung.kalasin.police.go.th/page38.htm

แชร์