เกิดอะไรขึ้น!?!เมื่อชายยากจนเข็ญใจมีศรัทธาขอเลี้ยงภ้ตตาหารพระ

มีชายคนหนึ่งปรากฏชื่อว่า "มหาทุคตะ" เพราะความเป็นผู้ยากจนยิ่งนักเมื่อบัณฑิตชวนทำบุญเลี้ยงพระ จึงคิดได้อยากถวายภัตตาหารพระเอาบุญครั้งนี้ทั้งที่แม้ตนเองก็แทบไม่มีอะไรกิน http://winne.ws/n22370

2.0 พัน ผู้เข้าชม
เกิดอะไรขึ้น!?!เมื่อชายยากจนเข็ญใจมีศรัทธาขอเลี้ยงภ้ตตาหารพระ

#ชายเข็ญใจยินดีรับเลี้ยงภิกษุ               

               ก็ในสมัยนั้น ในกรุงนั้นมีชายคนหนึ่งปรากฏชื่อว่า "มหาทุคตะ" เพราะความเป็นผู้ยากจนยิ่งนัก. ชายบัณฑิตนั้นเห็นชายเข็ญใจแม้นั้นมาเฉพาะหน้า จึงบอกว่า "เพื่อนมหาทุคตะ ข้าพเจ้าได้นิมนต์ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานไว้ เพื่อฉันในวันพรุ่งนี้, พรุ่งนี้ ชาวเมืองจักถวายทานกัน, แกจักเลี้ยงภิกษุสักกี่รูป?" 

               มหาทุคตะ. คุณ ผมจะต้องการอะไรด้วยภิกษุเล่า? ชื่อว่าความต้องการภิกษุ เป็นของคนมีทรัพย์, ส่วนผมแม้สักว่าข้าวสารทะนานหนึ่ง เพื่อประโยชน์แก่ข้าวต้มพรุ่งนี้ ก็ไม่มี, ผมทำงานรับจ้างเลี้ยงชีพ, ผมจะต้องการอะไรด้วยภิกษุ? 

               ธรรมดาผู้ชักชวนพึงเป็นผู้ฉลาด. เพราะฉะนั้น ชายบัณฑิตนั้น แม้เมื่อมหาทุคตะพูดว่า "ไม่มี" ก็ไม่นิ่งเฉย ยังกล่าวอย่างนี้ว่า "เพื่อนมหาทุคตะ คนเป็นอันมากในเมืองนี้ บริโภคโภชนะอย่างดี นุ่งผ้าเนื้อละเอียด แต่งตัวด้วยเครื่องอาภรณ์ต่างๆ นอนบนที่นอนอันสง่างาม ย่อมเสวยสมบัติกัน, ส่วนแกทำงานรับจ้างตลอดวัน ยังไม่ได้อาหารแม้พอเต็มท้อง, แม้เมื่อเป็นเช่นนี้ แกยังไม่รู้สึกว่า 'เราไม่ได้อะไรๆ เพราะไม่ได้ทำบุญอะไรๆ ไว้แม้ในกาลก่อน.’" 

               มหาทุคตะ. ผมทราบ คุณ. 

               บัณฑิต. เมื่อเช่นนั้น ทำไม บัดนี้แกจึงไม่ทำบุญเล่า? แกยังเป็นหนุ่ม มีเรี่ยวแรงสมบูรณ์ แกแม้ทำงานจ้างแล้ว ให้ทานตามกำลัง จะไม่ควรหรือ? 

ชายบัณฑิตนั้นเห็นชายเข็ญใจแม้นั้นมาเฉพาะหน้า จึงบอกว่า "เพื่อนมหาทุคตะ ข้าพเจ้าได้นิมนต์ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานไว้ เพื่อฉันในวันพรุ่งนี้และชวนมหาทุคตะให้เลี้ยงพระด้วย

เกิดอะไรขึ้น!?!เมื่อชายยากจนเข็ญใจมีศรัทธาขอเลี้ยงภ้ตตาหารพระ

             มหาทุคตะนั้น เมื่อชายบัณฑิตกล่าวอยู่ ถึงความสลดใจ จึงพูดว่า "คุณจงลงบัญชีภิกษุให้ผมบ้างสักรูปหนึ่ง, ผมจักทำงานจ้างอะไรสักอย่างแล้ว จักถวายภิกษาแก่ภิกษุรูปหนึ่ง. ชายบัณฑิตนอกนี้ คิดว่า "ภิกษุรูปเดียวจะจดลงในบัญชีทำไม?" ดังนี้แล้ว จึงไม่จดไว้. 

               ฝ่ายมหาทุคตะไปเรือนแล้ว พูดกะภรรยาว่า "หล่อน พรุ่งนี้ ชาวเมืองเขาจัดภัตเพื่อพระสงฆ์, แม้ฉันก็ถูกผู้ชักชวนบอกว่า ‘จงถวายภิกษาแก่ภิกษุรูปหนึ่ง, พวกเราจักถวายภิกษาแก่ภิกษุรูปหนึ่ง พรุ่งนี้.’" 

               ลำดับนั้น ภรรยาของเขาไม่พูดเลยว่า "พวกเราเป็นคนจน, แกรับคำเขาทำไม?" กล่าวว่า "นาย แกทำดีแล้ว, เมื่อก่อนเราไม่ให้อะไรๆ ชาตินี้จึงเกิดเป็นคนยากจน, เราทั้งสองคนทำงานจ้างแล้ว จักถวายแก่ภิกษุรูปหนึ่ง" แม้ทั้งสองคนได้ออกไปสู่ที่สำนักงานจ้าง. 

               มหาเศรษฐีเห็นมหาทุคตะ จึงถามว่า "เพื่อนมหาทุคตะ เธอจักทำงานจ้างหรือ?" 

               มหาทุคตะ. ขอรับ กระผม. 

               มหาเศรษฐี. จักทำอะไร? 

               มหาทุคตะ. แล้วแต่ท่านจักให้ทำ. 

               มหาเศรษฐีกล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้ เราจักเลี้ยงภิกษุ ๒-๓ ร้อย, จงมาผ่าฟืนเถิด" แล้วก็ให้หยิบมีดและขวานมาให้. มหาทุคตะถกเขมรอย่างแข็งแรง ถึงความอุตสาหะ วางมีด คว้าขวาน ทิ้งขวานฉวยมีด ผ่าฟืนไป. 

เกิดอะไรขึ้น!?!เมื่อชายยากจนเข็ญใจมีศรัทธาขอเลี้ยงภ้ตตาหารพระ

พระพุทธองค์ทรงรับบาตรจากมหาทุคตะเพื่อโปรดเขาให้พ้นจากความยากจนเข็ญใจทำลายผังตระหนี่ที่ทำให้ยากจนที่ติดมาข้ามภพข้ามชาติ

เกิดอะไรขึ้น!?!เมื่อชายยากจนเข็ญใจมีศรัทธาขอเลี้ยงภ้ตตาหารพระ

               ลำดับนั้น เศรษฐีพูดกะเขาว่า "เพื่อน วันนี้ เธอขยันทำงานเหลือเกิน, มีเหตุอะไรหรือ?" 

               มหาทุคตะ. นาย ผมจักเลี้ยงภิกษุรูปหนึ่ง. 

               เศรษฐีฟังคำนั้นแล้ว มีใจเลื่อมใส คิดว่า "น่าเลื่อมใสจริง มหาทุคตะนี้ทำกรรมที่ทำได้ยาก, เขาไม่ถึงความเฉยเมยด้วยคิดว่า ‘เราจน’ พูดว่า ‘จักทำงานจ้างแล้วเลี้ยงภิกษุสักรูปหนึ่ง.’" 

               ฝ่ายภรรยาของเศรษฐี เห็นภรรยาของมหาทุคตะนั้นแล้ว ก็ถามว่า "แม่ เจ้าจักทำงานอะไร? เมื่อนางตอบว่า "แล้วแต่จะใช้ดิฉันให้ทำ" จึงให้เข้าไปสู่โรงกระเดื่องแล้ว ให้มอบเครื่องมือมีกระด้งและสากเป็นต้นให้แล้ว. นางยินดีร่าเริง ทั้งตำและฝัดข้าวเหมือนจะรำละคร. 

               ลำดับนั้น ภรรยาเศรษฐีถามนางว่า "แม่ เจ้ายินดีร่าเริงทำงานเหลือเกิน, มีเหตุอะไรหรือ?" 

               นาง. คุณนาย พวกดิฉันทำงานจ้างนี้แล้ว จักเลี้ยงภิกษุสักรูปหนึ่ง. 

               ฝ่ายภรรยาเศรษฐีฟังคำนั้นแล้ว เลื่อมใสในนางว่า "น่าเลื่อมใส นางนี้ทำกรรมที่ทำได้ยาก." 

               ในเวลาที่มหาทุคตะผ่าฟืนเสร็จ เศรษฐีสั่งให้ให้ข้าวสาลี ๔ ทะนานด้วยพูดว่า "นี้ค่าจ้างของเธอ" แล้วสั่งให้ให้แม้อีก ๔ ทะนานด้วยพูดว่า "นี้เป็นส่วนที่เพิ่มให้เพราะความยินดีแก่เธอ." 

               เขาไปสู่เรือนบอกกะภรรยาว่า "ฉันรับจ้างได้ข้าวสาลีมา ส่วนนี้จักเป็นกับ, เจ้าจงถือเอาของ คือนมส้ม น้ำมัน และเครื่องเทศ ด้วยค่าจ้าง (แรงงาน) ที่เจ้าได้แล้ว." 

               ฝ่ายภรรยาเศรษฐีสั่งให้จ่ายเนยใสขวดหนึ่ง นมส้มกระปุกหนึ่ง เครื่องเทศหนึ่ง และข้าวสารสาลีอย่างเป็นตัวทะนานหนึ่งแก่นาง. เขาทั้งสองได้มีข้าวสารรวม ๙ ทะนาน ด้วยประการฉะนี้. 

               ทั้งสองผัวเมียยินดีร่าเริงว่า "เราได้ไทยธรรมแล้ว" ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่. ภรรยาพูดกับมหาทุคตะว่า "ไปหาผักมาซิ นาย" เขาไม่เห็นผักในร้านตลาด จึงไปฝั่งแม่น้ำ มีใจร่าเริงว่า" "จักได้ถวายโภชนะแก่พระผู้เป็นเจ้า" ร้องเพลงพลาง เลือกเก็บผักพลาง. ชาวประมงยืนทอดแหใหญ่อยู่ รู้ว่า "เป็นเสียงของมหาทุคตะ" จึงเรียกเขามาถามว่า "แกมีจิตยินดีเหลือเกิน ร้องเพลงอยู่, มีเหตุอะไรหรือ?" 

               มหาทุคตะ. เก็บผักเพื่อน. 

               ชาวประมง. จักทำอะไรกัน? 

               มหาทุคตะ. จักเลี้ยงภิกษุสักรูปหนึ่ง. 

               ชาวประมง. โอ! อิ่มละ ภิกษุที่ฉันผักของแก. 

               มหาทุคตะ. จะทำอย่างไรได้? เพื่อน, กันต้องเลี้ยงภิกษุด้วยผักที่กันได้. 

               ชาวประมง. ถ้าอย่างนั้น มานี่เถิด. 

               มหาทุคตะ. จะทำอย่างไร? เพื่อน. 

               ชาวประมง. จงถือเอาปลาเหล่านี้ร้อยให้เป็นพวง มีราคาบาทหนึ่งบ้าง กึ่งบาทบ้าง กหาปณะหนึ่งบ้าง. เขาได้กระทำอย่างนั้น. 

               ชาวเมืองซื้อปลาที่มหาทุคตะร้อยไว้ๆ ไป เพื่อประโยชน์แก่ภิกษุที่ตนนิมนต์แล้วๆ. เมื่อเขากำลังร้อยปลาอยู่นั้นแล, ก็ถึงเวลาภิกขาจารแล้ว. เขากำหนดเวลาแล้วกล่าวว่า "จักต้องไป เพื่อน, นี้เป็นเวลาที่ภิกษุมา." 

               ชาวประมง. ก็พวงปลายังมีอยู่ไหม? 

               มหาทุคตะ. ไม่มี เพื่อน, หมดสิ้นแล้ว. 

               ชาวประมง. "ถ้าอย่างนั้น ปลาตะเพียน ๔ ตัว ข้าหมกทรายไว้ เพื่อประโยชน์แก่ตน, แม้ถ้าแกต้องการจะเลี้ยงภิกษุ, จงเอาปลาเหล่านี้ไปเถิด" ดังนี้แล้วก็ได้ให้ปลาตะเพียนเหล่านั้นแก่เขาไป.

องค์ทรงเห็นมหาทุคตะในข่ายพระญาณทรงดำริว่า"มหาทุคตะเว้นเราเสียแล้ว จักไม่ได้ภิกษุอื่น."

เกิดอะไรขึ้น!?!เมื่อชายยากจนเข็ญใจมีศรัทธาขอเลี้ยงภ้ตตาหารพระ

               มหาทุคตะได้ถวายทานแด่พระพุทธเจ้า               

               ก็วันนั้น พระศาสดาทรงตรวจดูสัตวโลกในเวลาใกล้รุ่ง ทรงเห็นมหาทุคตะ เข้าไปในภายในข่ายคือพระญาณของพระองค์ ทรงรำพึงว่า "จักมีเหตุอะไรหนอ?" ทรงดำริว่า "มหาทุคตะคิดว่า จักเลี้ยงภิกษุรูปหนึ่ง, จึงได้ทำงานจ้างกับภรรยาแล้วในวันวาน, เขาจักได้ภิกษุรูปไหนหนอ?" จึงทรงใคร่ครวญว่า "คนทั้งหลายจักพาภิกษุไปตามชื่อที่จดไว้ในบัญชีแล้ว ให้นั่งในเรือนของตนๆ, มหาทุคตะเว้นเราเสียแล้ว จักไม่ได้ภิกษุอื่น." 

               ได้ยินว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมทรงทำความอนุเคราะห์ในพวกคนเข็ญใจ เพราะฉะนั้น พระศาสดาทรงทำสรีรกิจแต่เช้าตรู่แล้ว เสด็จเข้าสู่พระคันธกุฎี ประทับนั่งด้วยทรงดำริว่า "จักสงเคราะห์มหาทุคตะ." 

อ่านต่อ

http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=16&p=5


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

เพจพระมหาไพโรจน์ ธัมมโรจโน

แชร์