วลาดิเมียร์ ปูติน ชนะการเลือกตั้ง ครองตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 4

วลาดิเมียร์ ปูติน ชนะการเลือกตั้ง ครองตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 4 ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุนมากกว่า 60% http://winne.ws/n22768

4.0 พัน ผู้เข้าชม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ว่าผลอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปรากฏว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้สมัครอิสระแต่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคยูไนเต็ด รัสเซีย ของนายกรัฐมนตรีดมิทรี เมดเวเดฟ และกลุ่มการเมืองในนาม “แนวร่วมประชาชนรัสเซียทั้งมวล” ( โอเอ็นเอฟ )  ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุนประมาณ 76.5%

วลาดิเมียร์ ปูติน ชนะการเลือกตั้ง ครองตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 4

อันดับ 2 คือนายพาเวล กรูดินิน ตัวแทนผู้สมัครจากพรรคคอมมิวนิสต์ ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนเพียง 11.9% ตามด้วยนายวลาดิเมียร์ ซิรินอฟสกี จากพรรคเสรีประชาธิปไตยรัสเซีย ( แอลดีพีอาร์ )  ซึ่งเคยแข่งขันกับประธานาธิบดีบอริส เยลต์ซิน ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2534 ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุน 5.7% ส่วนผู้สมัครที่เหลืออีก 5 คน ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนระหว่าง 0.6% ถึง 1.6% เท่านั้น ขณะที่จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์อยู่ที่ 67% จากจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั่วประเทศราว 107 ล้านคน ถือว่าต่ำกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

วลาดิเมียร์ ปูติน ชนะการเลือกตั้ง ครองตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 4

ต่อมาปูตินปราศรัยที่จัตุรัสเมเนซนายา ในกรุงมอสโก ท่ามกลางผู้สนับสนุนมากกว่า 30,000  คน ขอบคุณทุกคะแนนเสียงจากประชาชนที่มอบความไว้วางใจให้เขาปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอีก 6 ปี หรือจนถึงปี 2567 และคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งครั้งนี้บ่งบอกว่าชาวรัสเซียส่วนใหญ่สนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลตลอด 6 ปีที่ผ่านมา และต้องการให้เขานำพาบ้านเมืองให้พัฒนามากยิ่งขึ้นกว่านี้ในอีก 6 ปีข้างหน้า

วลาดิเมียร์ ปูติน ชนะการเลือกตั้ง ครองตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 4

ขณะเดียวกัน ผู้นำรัสเซียประณามสถานการณ์ในยูเครน ที่รัฐบาลเคียฟไม่อนุญาตให้ชาวรัสเซียซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนที่สถานเอกอัครราชทูต และกล่าวถึงความขัดแย้งกับสหราชอาณาจักร จากกรณีนายเซอร์เก สกรีพัล อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองซึ่งลี้ภัยไปอยู่ที่นั้นตั้งแต่ปี 2553 ได้รับสารพิษร้ายแรงพร้อมบุตรสาวจนมีอาการสาหัส เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา ว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไร้สาระมาก และถามกลับไปยังนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ว่ารัฐบาลมอสโกมีเหตุผลใดที่ต้องทำเช่นนั้น ในช่วงก่อนการเลือกตั้งและการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ซึ่งเป็นโอกาสดียิ่งที่รัสเซียจะได้ประชาสัมพันธ์ตัวเอง

ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งที่เป็นไปตามความคาดหมายของทุกฝ่าย สร้างประวัติศาสตร์ให้ปูติน วัย 65 ปี ซึ่งอยู่ในอำนาจสูงสุดทางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2543 ครองตำแหน่งผู้นำรัสเซียเป็นสมัยที่ 4 โดยเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่ครองอำนาจสูงสุดทางการเมืองของรัสเซียยาวนานที่สุด นับตั้งแต่สมัยนายโจเซฟ สตาลิน ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สหภาพโซเวียตยาวนานถึง 30 ปี ระหว่างปี 2465 ถึง 2495  แม้ปูตินจำเป็นต้องเว้นวรรคระหว่างปี 2551 ถึง 2555  โดยในช่วงเวลานั้นเมดเวเดฟดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่ทุกฝ่ายเชื่อว่าปูตินซึ่งอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี "คือผู้มีอำนาจสูงสุดตัวจริง 

ภาพและข้อมูลจาก dailynews

แชร์