รื้อโครงสร้าง ลดอำนาจ ผอ.ท่าเรือ !?!

รื้อโครงสร้าง กทท. รับยุค 4.0 เพิ่ม 5 สายงานใหม่ พร้อมปรับเคพีไอ ยกองค์กรเป็นรัฐวิสาหกิจระดับดีเด่น http://winne.ws/n23325

1.0 พัน ผู้เข้าชม
รื้อโครงสร้าง ลดอำนาจ ผอ.ท่าเรือ !?!

นายสุรงค์ บูลกุล ประธานกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า บอร์ดได้ทบทวนกฎระเบียบและโครงสร้างของกทท. พบว่าหลายด้านไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและเทคโนโลยียุค 4.0 เพราะมีเป้าหมายเพื่อบริหารท่าเรือกรุงเทพ (ท่าเรือคลองเตย) ซึ่งมีขนาดเล็ก แต่ขณะนี้องค์กรขยายตัวใหญ่ขึ้นและกิจกรรมหลักย้ายไปอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ประตูเข้าสู่ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี (EEC) แทน ซึ่งโครงสร้างปัจจุบันประกอบด้วย 4 ด้าน คือ ด้านบุคคล ด้านทรัพย์สิน ด้านปฏิบัติการ และด้านตรวจสอบทำงานแยกกันและแตกต่างกันตามพื้นที่อำนาจทั้งหมดขึ้นอยู่กับผู้อำนวยการของท่าเรือนั้น ๆทำให้องค์กรไม่มีเอกภาพในบางครั้งเช่น ท่าเรือแต่ละแห่งตีความกฎหมายแตกต่างกัน เป็นต้น 

ดังนั้นการท่าเรือฯ จึงเตรียมปรับโครงสร้างใหม่ให้สอดคล้องกับทิศทางของการท่าเรือฯ ยุคใหม่และครอบคลุมทุกด้านที่จำเป็น โดยเบื้องต้นจะเพิ่มสายงานที่จำเป็นอีก 5 ด้าน คือ 

1. ด้านบุคคลและกฎหมาย ต้องบูรณาการจากส่วนกลางไม่ใช่ขึ้นอยู่กับส่วนภูมิภาคเพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและไม่มีการตีความกฎหมายแตกต่างกัน ฝ่ายกฎหมายต้องมีความรู้รอบด้านไม่ใช่แค่กฎหมายด้านสัญญาเพียงอย่างเดียว เช่น ต้องมีความเชี่ยวชาญกฎหมายการเดินเรือระหว่างประเทศด้วย ส่วนสายงานบุคคลต้องนำระบบวางแผนทดแทนตำแหน่ง (Succession Plan) มาใช้เพื่อสร้างผู้นำและผู้บริหารองค์กรไม่ให้ขาดช่วง นอกจากนี้จะปรับปรุงหน่วยชี้วัด (KPI) องค์กรให้มีความชัดเจนและสร้างแรงจูงใจให้พนักงานมากขึ้น 

2. ด้านการตลาด เพื่อให้ทราบจุดแข็งจุดอ่อนของคู่แข่ง รวมถึงจูงใจให้ลูกค้ามาใช้บริการมากขึ้น 

3. ด้านยุทธศาสตร์องค์กร เพื่อวางแผนระยะยาว ให้เห็นทิศทางในอีก 20 ปีข้างหน้า 

4. ด้านไอที เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่การท่าเรือฯ ยุค 4.0  

5. ด้านการบริหารทรัพย์สิน ต้องเข้ามาพัฒนาพื้นที่ท่าเรือคลองเตยกว่า 2,300 ไร่

นายสุรงค์ กล่าวต่อว่า โครงสร้างใหม่จะต้องแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ. 62 รวมถึงจะปรับเคพีไอเพื่อยกระดับการท่าเรือฯ จากรัฐวิสาหกิจระดับกลางเป็นรัฐวิสาหกิจระดับดีเด่นให้ได้แต่ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงจะไม่กระทบกับพนักงานเดิม เพราะไม่ให้พนักงานออกและอาจต้องการพนักงานเพิ่มเติมด้วยซ้ำ นอกจากนี้ การท่าเรือฯ อยู่ระหว่างรอพิจารณาประเด็นใหญ่ 2 เรื่อง 

1. จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือคดีที่กล่าวหาพนักงานการท่าเรือฯ ว่าเบิกเงินล่วงเวลา (Overtime) เกินกว่า 3.5 พันล้านบาท อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้วต้องรอคำตัดสินของศาลและจะดำเนินการตามคำตัดสินนั้น และ 

2. กรณีพนักงานเรียกร้องขอเปลี่ยนระบบสวัสดิการจากระบบสำรองเลี้ยงชีพกลับไปเป็นระบบบำนาญเหมือนเดิมเนื่องจากผลตอบการลงทุนจากระบบสำรองเลี้ยงชีพในช่วงที่ผ่านมาต่ำมาก ขณะนี้ได้เสนอเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง พิจารณาแล้ว อยู่ระหว่างรอคำตอบที่ชัดเจน


ขอขอบคุณ : เดลินิวส์ 

แชร์