การทำบุญจนหมดตัวในสมัยพุทธกาลมีหรือไม่ ถือเป็นสิ่งผิดไหม ?

จากหลักฐานในพระไตรปิฎกและอรรถกถา เราค้นเจอผู้ที่ทำบุญจนหมดตัวหลายคน แต่ที่น่าประหลาดใจไปกว่านั้นก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลับทรงชื่นชมยกย่องให้เป็นกรณีตัวอย่าง ซึ่งจุดนี้ถือเป็นประเด็นที่น่าศึกษามาก ๆ http://winne.ws/n23340

1.6 พัน ผู้เข้าชม
การทำบุญจนหมดตัวในสมัยพุทธกาลมีหรือไม่ ถือเป็นสิ่งผิดไหม ?

         คนแรกเลยที่หลายคนรู้จักกันดี คือ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี มหาเศรษฐีที่รวยมากในสมัยพุทธกาล ผู้มีความศรัทธาอยากสร้างวัดอย่างแรงกล้า ถึงขั้นขนเงินมาปูลาดจนเต็มพื้นที่ที่ต้องการจะซื้อจากเจ้าชายเชตราชกุมาร เพื่อเอามาสร้างวัดเชตวันถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

         หลังจากท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีหมดเงินซื้อที่ดินไป 18 โกฏิ สร้างวัดอีก 18 โกฏิแล้วก็ใช้เงินอีกจำนวนมหาศาลทุ่มทำบุญโดยการถวายทานเฉลิมฉลองวัดเชตวันยาวนานถึง ๙ เดือน หมดเงินไปมากถึง 18 โกฏิ รวมแล้วมากถึง 54 โกฏิ

             เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อฉลองวัดเสร็จ ก็มีโปรเจกต์บุญใหม่ต่ออีก โดยการไปกราบอาราธนาพระภิกษุมากถึง 200 รูป ให้ไปฉันภัตตาหารที่บ้านของตนทุกวันไม่ขาด เรียกได้ว่า..ทำบุญแบบจัดหนักจนกระทั่งทรัพย์สินเงินทองเริ่มหมด ประกอบกับกรรมเก่ามาส่งผลในช่วงนั้นพอดีเลยทำให้สมบัติของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีที่ฝังไว้ถูกน้ำเซาะจมลงไปในมหาสมุทร จนถึงคราวอดอยาก เพราะสมบัติหมดสิ้น แต่แม้ท่านจะเปลี่ยนโหมดเข้าสู่ภาวะหมดตัวถึงขั้นต้องเอาข้าวปลายเกรียนกับน้ำผักดองมาถวายพระแล้ว ก็ยังไม่ยอมหยุดทำบุญ

             ขณะที่หลายคนกำลังสงสัยคาใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการทำบุญจนหมดตัวของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลับไม่ทรงห้ามเลยแม้แต่น้อย แถมยังอนุโมทนาและให้กำลังใจท่านอีก โดยตรัสว่า “คฤหบดี..ท่านอย่าคิดว่า ‘เราถวายทานเศร้าหมอง’ ด้วยว่าเมื่อจิตประณีตแล้ว ทานที่บุคคลถวายแด่พระอรหันต์ทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ชื่อว่าเศร้าหมองย่อมไม่มี…” อีกทั้งพระองค์ทรงยกใจให้ปลื้ม โดยยกตัวอย่างชาติที่พระองค์เกิดเป็นพราหมณ์ที่ชื่อ “เวลามะ” ที่ได้ทุ่มเททำทานจำนวนมหาศาลให้ฟังอีกด้วย

 (อ่านเพิ่มเติมที่อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ปาปวรรคที่ 9 เรื่องอนาถบิณฑิกเศรษฐี, อรรถกถาขุททกนิกาย อปทาน ภาค 1 เถราปทาน 1. พุทธวรรค 1. พุทธาปทาน และพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เวลามสูตร)

ขอบคุณภาพและบทความจาก เว็บ http://www.kalyanamitra.org

แชร์