"ถ้ำหลวง"สิ่งที่ผู้นำควรเรียนรู้จากผู้ว่าฯเชียงราย

จากการสังเกตการทำงานตลอดกว่า 10 วันที่ผ่านมา แม่ทัพคนนี้สอนบทเรียนการบริหารงานผมหลายอย่าง คิดให้ชัด วางแผนให้เคลียร์ ทำงานเป็นระบบ แล้วทุ่มเททั้งตัวและหัวใจไปกับมัน http://winne.ws/n24337

1.5 พัน ผู้เข้าชม
"ถ้ำหลวง"สิ่งที่ผู้นำควรเรียนรู้จากผู้ว่าฯเชียงราย

ถ้ำหลวง กับสิ่งที่ผู้นำควรเรียนรู้จากผู้ว่าฯ เชียงราย

หากเปรียบภารกิจค้นหา 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงรายเป็นการทำงาน ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คืองานมหาโหดโคตรหิน

ลองคิดภาพตามนะครับ งานนี้ต่อสู้กับภัยธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้ ต้องทำอย่างเร่งด่วนระดับเสี้ยววินาทีแข่งกับเดดไลน์คือ 13 ชีวิตเป็นเดิมพัน ต้องบริหารทีมงานจากหลายที่มาหลากเชื้อชาติกว่า 10,000 คน ท่ามกลางความกดดันของสายตาที่จับจ้องจากทั่วโลกหลายร้อยล้านคน ภายใต้ข้อมูลมหาศาลแสนสับสนที่สื่อมวลชนรายงานออกไป

ใครเป็นผู้บริหาร บอกได้คำเดียวว่านี่คืองานระดับ The Impossible Job!

แต่แล้วเราก็ได้เห็นนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มาเป็นผู้บังคับบัญชาการ ซึ่งเหตุผลที่ท่านเป็นผู้สั่งการสูงสุดของภารกิจนี้ แทนที่จะเป็นหน่วยงานอื่นๆ อย่างทหารหรือตำรวจ เพราะตามกฎหมายเมื่อจังหวัดได้ประกาศภัยพิบัติ ผู้ว่าฯ จะรับหน้าที่บัญชาการโดยปริยาย ซึ่งเชียงรายประกาศภัยพิบัตินับตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุแล้ว

ช่วงแรกผมยังแปลกใจกับความตรงไปตรงมา เอาจริงเอาจัง ทุ่มเทตลอด 24 ชั่วโมงของท่าน แต่พอนานเข้าผมเริ่มเห็นวิธีคิดในการบริหารงานที่น่าสนใจมาก

ในฐานะคนที่ดูการแถลงข่าวของท่านทุกวัน ท่านเป็นคนคิดเป็นระบบ เด็ดขาด และพูดกระชับชัดเจน เหมือนฟังซีอีโอบริษัทใหญ่ๆ แสดงวิสัยทัศน์หรือกลยุทธ์ประจำปี ทุกครั้งท่านจะเน้นย้ำเป้าหมายสำคัญที่สุดก่อน แล้วค่อยแจกแจงแนวทางการช่วยเหลือที่มากล้นออกเป็นข้อๆ เข้าใจง่าย พร้อมสรุปความคืบหน้าแต่ละแนวทางอย่างชัดเจน ที่สำคัญคือไม่กลัวที่จะต่อว่าหรือตักเตือนคนที่ออกนอกลู่นอกทาง แถมยังปิดจบด้วยมุมมองเชิงบวก

"ถ้ำหลวง"สิ่งที่ผู้นำควรเรียนรู้จากผู้ว่าฯเชียงรายข่าวสด

ผมลองลงรายละเอียดการบริหารของผู้ว่าฯ คนนี้เท่าที่สังเกตเห็นครับ

1. เป้าหมายชัด-action plan ชัด

ภารกิจนี้มีแผนงานชัดเจนมาก อธิบายสั้นๆ แปบเดียวก็เข้าใจ ท่านให้สัมภาษณ์ทุกวันว่าแผนการมีแค่ 4 แนวทาง โดยจัดลำดับชัดว่า ทางหลัก-สูบน้ำออกเปิดทางซีลเข้าพื้นที่ ทางรอง-หาโพรงหรือปล่อง ทางเลือก1-เจาะผนังถ้ำ และทางเลือก2-ขยายปลายถ้ำ โดยจะย้ำหนักแน่นว่าการสูบน้ำเปิดทางให้หน่วยซีลเข้าถึงตัวน้องๆ คือแนวทางที่สำคัญที่สุด ในขณะที่แนวทางอื่นก็ไม่เคยทิ้ง แต่ทำงานคู่ขนานกันไป 

action plan ที่ชัดเจน เข้าใจง่าย ทำให้แบ่งหน้าที่และหัวหน้าที่รับผิดชอบแต่ละแนวทางง่ายขึ้น การสื่อสารก็ทำได้สะดวก ความคืบหน้าแต่ละแนวทางในแต่ละวันจึงกระชับมาก ทำได้แค่ไหน หรือทำไม่ได้เพราะอุปสรรคอะไร ลองฟังท่านสรุปแต่ละวันดูนะครับ จะเห็นภาพเลย

ระบบอีกอย่างที่เห็นชัดมากคือ การลงทะเบียนเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานหลายพันคน ใครขึ้นตรงต่อใครต้องรายงานหัวหน้างานคนนั้น ใครไม่ลงทะเบียนห้ามเข้า มีการเซ็นชื่อเข้าออกทุกครั้ง เพื่อป้องกันการตกหล่น และทำงานทับซ้อนกัน

2. ทดลอง เรียนรู้ และทำซ้ำ

ที่ผมชอบที่สุดคือ การซักซ้อมการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยในวันเสาร์ที่ผ่านมา ฟังดูอาจจะเฉยๆ แต่ผมคิดว่าเราไม่ได้เห็นการทำงานอย่างเป็นระบบรอบคอบแบบนี้มากนักในประเทศไทย ท่านให้เหตุผลที่ต้องซ้อมเพราะตอนนี้คนเอาแต่คิดว่าต้องหาให้เจอ แต่ท่านมองข้ามช็อตว่า ถ้าเจอจริงๆล่ะ เราต้องทำอย่างไร เราดูแลน้องๆให้ปลอดภัยได้ไหม

อุตส่าห์เจอน้องๆ แต่ถ้าดูแลพวกเขาไม่ได้ ทุกอย่างก็จบ

ท่านสรุปตอนท้ายของวันซ้อมแบบนี้ครับว่า การซักซ้อมดังกล่าวยังเจอปัญหาอยู่ จึงเตรียมที่จะปรับปรุงระบบและจัดระเบียบให้พื้นที่มีความพร้อมในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมากขึ้น 

ที่สำคัญคือ ทีมงานได้ทำการคลิปดำเนินการทั้งหมด เพื่อเป็นบทเรียนที่มีประโยชน์ เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดในลักษณะนี้ครั้งแรกในเมืองไทย ทุกหน่วยงานต่างบูรณาการทำงานกันอย่างเต็มที่

ย้ำอีกครั้งครับว่า การซ้อมนี้มีการ ‘ถ่ายคลิป’ เพื่อเป็นบทเรียน บูรณาการการทำงานในครั้งต่อไป ซึ่งล่าสุดรถสื่อมวลชนที่จอดตรงถนนได้ถูกเคลียร์หมดแล้ว เปิดทางให้ขนย้ายน้องๆได้สะดวกหากพบเจอ

3. รู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีสำหรับองค์กร

Peter F. Drucker ปรมาจารย์ด้านการบริหารจัดการชาวอเมริกัน เคยเขียนบทความชื่อ What Makes an Effective Executive โดยบอกว่าผู้บริหารที่บริหารงานได้ประสิทธิภาพไม่จำเป็นต้องมีบุคลิกผู้นำแบบที่เราเห็นในหนัง แต่จริงๆ แล้วพวกเขาจะทำงานบนพื้นฐานไม่กี่ข้อเท่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ตอบตัวเองได้ชัดว่า “อะไรที่ต้องทำให้สำเร็จ” และ “อะไรคือสิ่งที่ดีสำหรับองค์กร”

ท่านผู้ว่าฯ จะแยกแยะคัดกรองทุกแนวทาง ทุกความช่วยเหลือ ทุกอุปกรณ์ที่ส่งเข้ามาครับว่าอันไหนเหมาะสม อันไหนใช้ได้จริงก็จะใช้ อันไหนไม่ได้ก็ต้องบอกว่าไม่ได้ ท่านให้สัมภาษณ์อย่างเด็ดขาดบ่อยๆว่า “ใครอยากมาก็มาได้ แต่ต้องมาถกหลักการกันก่อน ว่าสิ่งที่นำเสนอมันทำได้หรือไม่ หรือว่าเป็นไอเดียที่จะถ่วงทีมให้ช้าลง  ไม่ใช่ว่าคนที่อยากช่วยจะมีประโยชน์ทั้งหมด ตอนนี้ความช่วยเหลือตอนนี้เยอะมาก มีหุ่นยนต์ดำน้ำเป็นสิบจอดรอหน้าถ้ำ แต่มันใช้ไม่ได้ก็คือใช้ไม่ได้” 

การรู้ว่าอะไรดีกับองค์กร ทำให้การทำงานแน่วแน่ ไม่ไขว้เขว ก็อย่างที่ท่านบอกละครับว่า “ผมขอบคุณทุกความหวังดีนะครับ แต่บางความช่วยเหลือมันอาจจะไม่เหมาะกับหน้างานจริงๆ”

"ถ้ำหลวง"สิ่งที่ผู้นำควรเรียนรู้จากผู้ว่าฯเชียงรายข่าวสด

4. โฟกัสที่โอกาส มากกว่าปัญหา

Peter F. Drucker บอกครับว่าผู้นำที่ดีคือคนที่ไม่ได้แค่แก้ปัญหา แต่พลิกปัญหานั้นเป็นโอกาส ตัวอย่างหนึ่งที่ผมชอบมากของท่านผู้ว่าฯ คือวิธีการจัดการกับปัญหาสื่อนำเสนอข้อมูลกระจัดกระจาย ข่าวมั่วข่าวปลอมเยอะ แทนที่จะไล่ตักเตือนทีละสื่อ ทีมงานของศูนย์ปฏิบัติการดึงหน่วยงานประชาสัมพันธ์เข้ามาช่วยซะเลย แล้วส่งเป็น press release ให้สื่อทุกวัน ส่งแผนที่อินโฟสวยงาม พร้อมกับเปิด LINE account ตัวใหม่ @ข่าวจริงประเทศไทย สำหรับสื่อสาร เป็นการบอกว่าศูนย์กลางของข้อมูลต้องมาจากที่นี่เท่านั้น 

ปัญหาข่าวมั่วเริ่มหมดไป ด้านนักข่าวส่วนใหญ่ก็ชอบมากครับ เพราะทำให้เข้าใจข้อมูลตรงกัน เชื่อถือได้ และไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งรวบรวมข้อมูล เรียกได้ว่ายิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว

5. เห็นอกเห็นใจ รับฟังปัญหา

แม้จะเด็ดขาด ตรงไปตรงมา แต่ผมก็เห็นความเห็นใจของท่านผู้ว่าอยู่บ้างเนืองๆ ท่านบอกว่าตนไปเยี่ยมญาติของน้องๆ ละ 2 ครั้ง เพื่อพูดคุยและรับฟังปัญหา อยากได้อะไรก็จะจัดมาให้ เช่น กินมังสวิรัติ อยากได้เตียง-ผ้าห่มเพิ่ม หรือจังหวะหนึ่งที่กำลงแถลงข่าวแล้วเกิดฝนตก ท่านก็ถามนักข่าวว่า “จะหลบฝนก่อนไหม” สร้างความประทับใจให้กับกองทัพสื่อมวลชนได้ไม่น้อย

6. ทำให้เห็น ไม่ใช่ดีแต่พูด

คำพูดแรกที่สะดุดหูคนทั้งประเทศคือ "ใครที่บอกว่าไม่เสียสละพอที่จะทำงาน ใครจะกลับบ้านไปนอนกับลูกกับเมีย เชิญเซ็นชื่อแล้วออกไปเลย ผมไม่รายงานใครทั้งสิ้น ใครจะทำงาน วันนี้ขอให้พร้อมทุกนาที ให้คิดว่าเขาเป็นลูกเรา"

อาจจะฟังดูแรง แต่พอเวลาผ่านไป เขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำจริง ใส่ใจ และทุ่มเทขนาดไหน ไม่ใช่ดีแต่พูด

“มีคนถามว่าทำไมผมต้องมายืนอยู่ตรงนี้ตลอด...มันเหมือนแม่ทัพ รบแล้วเรากำลังจะพ่ายแพ้ เราจะเสียพื้นที่ ถ้าแม่ทัพไม่ยืนอยู่ข้างหน้า ใครจะไปช่วยแม่ทัพรบ นั่นคือเหตุผลที่เราต้องสู้กันตลอด เราจะเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้ายังไง เราก็จะสู้กันตลอด”

ผมไม่รู้ว่าตัวตนจริงๆ ท่านผู้ว่าเป็นคนอย่างไร หรือคนทำงานใกล้ชิดจะคิดกับท่านแบบไหน แต่จากการสังเกตการทำงานตลอดกว่า 10 วันที่ผ่านมา แม่ทัพคนนี้สอนบทเรียนการบริหารงานผมหลายอย่าง

คิดให้ชัด 

วางแผนให้เคลียร์ 

ทำงานเป็นระบบ 

แล้วทุ่มเททั้งตัวและหัวใจไปกับมัน

Cr.เคน นครินทร์

อ่านต่อได้ที่เวบไซต์

จาก:https://thestandard.co/editors-desk-chiangrai-governor-lesson-learned/


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

เฟซบุ๊กThe Secret Suace

แชร์