สังคมแห่งความสุข... สังคมแห่งสงฆ์
ดอกไม้จำนวนมากที่วางรวมกัน หากวางอยู่ระเกะระกะกระจัดกระจาย ก็จะด้อยค่าลง ทั้งยังทำให้รกรุงรังอีกด้วย แต่เมื่อเรานำดอกไม้เหล่านี้มาร้อยรวมเข้าด้วยกันด้วยเส้นด้าย ดอกไม้เหล่านี้ก็จะกลายเป็นพวงมาลัยอันงดงาม http://winne.ws/n24443
การอยู่ร่วมกันเป็นหมู่เหล่า ถ้าขาดระเบียบวินัยต่างคนต่างทำตามอำเภอใจ ความขัดแย้งและลักลั่นก็จะเกิดขึ้นยิ่งมากคนก็ยิ่งมากเรื่อง ไม่มีความสงบสุข การงานที่ทำก็จะเสียผล
ดอกไม้จำนวนมากที่วางรวมกัน หากวางอยู่ระเกะระกะกระจัดกระจายก็จะด้อยค่าลง ทั้งยังทำให้รกรุงรังอีกด้วยแต่เมื่อเรานำดอกไม้เหล่านี้มาร้อยรวมเข้าด้วยกันด้วยเส้นด้าย ดอกไม้เหล่านี้ก็จะกลายเป็นพวงมาลัยอันงดงามเหมาะที่จะนำไปประดับตกแต่งให้เจริญตาเจริญใจ ถ้าประชาชนแต่ละคนเป็นเสมือนดอกไม้แต่ละดอกเส้นด้ายที่ใช้ร้อยดอกไม้ให้รวมกันอยู่อย่างมีระเบียบงดงามนั้นก็เปรียบเสมือนวินัย
วินัย หมายถึง ระเบียบ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับสำหรับควบคุมความประพฤติทางกาย วาจา ของคนในสังคมให้เรียบร้อยดีงาม เป็นแบบแผน อันหนึ่งอันเดียวกันจะได้อยู่ร่วมกันด้วยความสุขสบาย ไม่กระทบกระทั่งซึ่งกันและกัน วินัยช่วยให้คนในสังคมห่างไกลจากความชั่วทั้งหลาย
สังคมแห่งความสุขที่สืบทอดมา 2500 กว่าปีจนถึงปัจจุบันนี้ ก็คือสังคมของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา จุดมุ่งหมายสูงสุดชีวิต คือความหมดกิเลส ซึ่งผู้ที่จะหมดกิเลสได้ต้องมีปัญญาอย่างยิ่งผู้จะมีปัญญาอย่างยิ่งได้จะต้องมีสมาธิอย่างยิ่ง ผู้จะมีสมาธิอย่างยิ่งได้ จะต้องตั้งอยู่บนฐานของศีลอย่างยิ่ง คือ วินัย ๔ ประการ อันเป็นพื้นฐานของความบริสุทธิ์ ได้แก่
๑. สำรวมอยู่ในศีล ๒๒๗ ข้อ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติเว้นข้อที่พระองค์ทรงห้าม ทำตามข้อที่พระองค์ทรงให้ปฏิบัติ
๒. การรู้จักสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจไม่ให้เพลิดเพลินไปกับอารมณ์อันน่าใคร่ อันเกิดจากการเห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่นลิ้มรส สัมผัส และการรับรู้อารมณ์ทางใจ อะไรที่ไม่ควรดูก็อย่าไปดูอะไรที่ไม่ควรฟังก็อย่าไปฟัง อะไรที่ไม่ควรดมก็อย่าไปดมอะไรที่ไม่ควรลิ้มชิมรสก็อย่าไปชิม อะไรที่ไม่ควรถูกต้องสัมผัสก็อย่าไปสัมผัสและอะไรที่ไม่ควรคิดก็อย่าไปคิด
๓. อาชีวปาริสุทธิ คือการหาเลี้ยงชีวิตในทางที่ชอบ ได้แก่ การ บิณฑบาต สำหรับการเลี้ยงชีวิตในทางที่ผิด เช่นการหาลาภสักการะด้วยการ ใบ้หวย การเป็นหมอดู การเป็นพ่อสื่อแม่ชัก การประจบฆราวาส จัดเป็นการกระทำที่ผิดพระวินัย
๔. การพิจารณาก่อนที่จะบริโภคหรือใช้ปัจจัย ๔ (อาหาร เครื่อง นุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรค) ว่าสิ่งนั้นเป็นเพียงเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตให้อยู่ได้เหมือนน้ำมันหยอดเพลารถให้รถแล่นไปได้เท่านั้น
พิจารณาดังนี้แล้วย่อมบรรเทาความหลง ความมัวเมาในอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรคได้ ทำให้กินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน
วัตถุประสงค์ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบัญญัติวินัย
๑. เพื่อรองรับความตั้งอยู่ดีของหมู่สงฆ์
๒. เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก
๓. เพื่อความสุขสำราญแห่งหมู่สงฆ์
๔. เพื่อความสุขสำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก
๕. เพื่อป้องกันอาสวกิเลสอันจะบังเกิดในปัจจุบัน
๖. เพื่อป้องกันอาสวกิเลสอันจะบังเกิดในอนาคต
๗. เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
๘. เพื่อความเลื่อมใสยิ่งขึ้นของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว
๙. เพื่อความดำรงมั่นแห่งพระสัทธรรม
๑๐. เพื่ออนุเคราะห์พระวินัย เป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาให้เจริญวัฒนาสถาพรสืบต่อไป
คุณของพระธรรมวินัยที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้นั้น นอกจากเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งการประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ของภิกษุสงฆ์เองแล้ว ยังเป็นไปเพื่อประโยชน์ในงานเผยแผ่พระศาสนาให้คงอยู่ตลอดไป
เหตุเพราะ งานเผยแผ่พระศาสนานั้น ไม่สามารถทำเพียงลำพังผู้เดียวได้ จำต้องอาศัยพลังของหมู่คณะหรือการทำงานเป็นทีม
แต่เนื่องจากการอยู่ร่วมกันทำงานร่วมกันของคนหมู่มากนั้น ย่อมมีความหลากหลายทั้งเรื่องความคิดอ่าน สติปัญญา วิสัยทัศน์ และนิสัยอันเป็นลักษณะเฉพาะตัว ดังนั้นในการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม หรือการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะจึงต้องมีระเบียบ วินัย เคารพ อดทน เป็นเส้นกรอบตีไว้ให้ทุกคนปฏิบัติเพื่อลดการกระทบกระทั่งที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อรักษาความสามัคคีของหมู่คณะให้คงอยู่ นี่คือการปกครองในแบบฆราวาส
ด้วยเหตุนี้ในการปกครองพระภิกษุสงฆ์ที่อยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะนั้น จึงจำเป็นต้องอาศัยพระธรรมวินัย เป็นกรอบคอยกำกับควบคุมให้เกิดความสงบ สามัคคี ซึ่งมิใช่เป็นการควบคุมเพื่อความสำรวมทางกายและวาจาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นกรอบคอยควบคุมความสำรวมทางใจ ให้ออกห่างจากกิเลส และสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อการประพฤติพรหมจรรย์ทั้งปวง
เพราะการทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ในการเป็นครูสอนศีลธรรมให้แก่ชาวโลกนั้นจะอาศัยเพียงความรู้ความสามารถด้านการบริหาร และการศึกษาพระปริยัติเพียงอย่างเดียวไม่ได้ จำเป็นต้องมีความรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติธรรมด้วยตนเองเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งผลของการปฏิบัติธรรมจะดีมากน้อยเพียงไร ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์บริบูรณ์แห่งศีลเป็นที่ตั้ง และ ศีล จะบริสุทธิ์บริบูรณ์มากน้อยเพียงใดก็ล้วนขึ้นอยู่กับการถือปฏิบัติตามพระธรรมวินัยของภิกษุแต่ละรูป ตามวัตถุประสงค์ในการบัญญัติพระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น
บทความโดย : เดอะซัน
ภาพ : pixabay