“เข้าพรรษา” สมดุลวิถีชีวิตกับธรรมชาติ
แก่นสาระสำคัญของธรรมเนียมประเพณีนี้ หากผู้คนในสังคมนำมาถือปฏิบัติก็ย่อมให้ประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวมได้อย่างแน่นอน ดั่งสัจจธรรมที่ว่า ธรรมะ เป็นอกาลิโก http://winne.ws/n24470
เข้าพรรษา น่ายินดีอย่างไร ?
สมัยก่อน ช่วงเข้าพรรษาถือว่าเป็นช่วงเวลาดีๆ ช่วงหนึ่งในฤดูกาลต่างๆของชีวิตที่ทุกคนจะรู้ว่ามีเรื่องน่ายินดีอะไรบ้าง ซึ่งจะได้เล่าทบทวนในลำดับต่อไป
สังคมปัจจุบันที่วิถีชีวิตเปลี่ยนไปในทุกด้าน ทำให้ความทรงจำของช่วงเวลาดีๆ ดังกล่าว ค่อยๆเลือนลางไปจากวิถีชีวิตของผู้คน แต่ก็ยังไม่ถึงกับหายไป และยังไม่สายที่จะนำวิถีชีวิตดีๆในอดีตกลับมาผสมผสานกับวิถีชีวิตสมัยใหม่ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากฤดูกาลของชีวิต
เข้าพรรษา, เป็นพุทธบัญญัติที่ปฏิบัติสืบกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ที่พระภิกษุสงฆ์จะอธิษฐานอยู่ประจำที่วัด ตลอด 3 เดือนในฤดูฝน ( เว้นแต่มีกิจจำเป็นตามที่มีบัญญัติไว้ในพระธรรมวินัยพระภิกษุสามารถเดินทางไปที่อื่นได้ แต่จะต้องกลับมาถึงวัดที่จำพรรษา ภายใน 7 วัน )
เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างไร ? เป็นความลงตัวระหว่างวิถีชีวิตผู้คน กับธรรมชาติ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์หลายด้านต่อทุกฝ่าย เพราะฤดูฝนการจะจาริกไปตามที่ต่างๆ เช่น เผยแผ่พระสัทธรรม หรือบำเพ็ยเพียรตามป่า ตามเขาย่อมไม่สะดวก ฉะนั้น,การที่พระภิกษุได้อยู่ประจำในวัด จึงนำมาซึ่งสิ่งดีๆ เหล่านี้คือ
1. เมื่อได้พักอยู่ในวัดเป็นเวลานานทำให้พระภิกษุมีเวลาในการศึกษาไตรสิกขา พระธรรมวินัย และคำสอนต่างๆ ของพระพุทธองค์อย่างเต็มที่
2. ประชาชนในชุมชนก็ได้โอกาสเข้ามาฟังธรรม เพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจ จากพระภิกษุสงฆ์มากขึ้น
3. เป็นโอกาสดีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกุลบุตร ที่จะออกบวชเพื่อศึกษาธรรมะจากพระอุปัชฌาย์ ประเพณีไทยบ้านมีลูกชายอายุครบ 20 ก็นิยมให้บวชช่วงเข้าพรรษาเพราะจะได้รับการอบรมหล่อหลอมนิสัยคุณธรรมต่างๆจากพระอุปัชฌาย์ อย่างเต็มที่
4. เมื่อพระภิกษุและลูกหลานที่บวช ซึ่งเป็นเนื้อนาบุญที่ต่างอยู่ประจำวัดญาติโยมประชาชนก็มีโอกาสทำบุญทำทานกับทั้งพระภิกษุและพระลูกพระหลานได้อย่างเต็มที่
5. และเป็นช่วงเวลาอันดีที่พ่อแม่พี่น้องประชาชนเองจะได้ถือโอกาสนี้บำเพ็ญกุศลฝึกฝนตนเองเช่นกัน นั้นคือ การตั้งใจทำความดีเพื่อเป็นการสั่งสมบุญให้กับตัวเองอย่างจริงจังเพราะชีวิตฆราวาสที่ต้องทำมาหาเลี้ยงชีพบางครั้งก็อาจต้องทำในสิ่งที่ผิดพลาดฉะนั้น เมื่อถึงฤดูเข้าพรรษาประชาชนก็จะถือเป็นโอกาสดีที่จะตั้งใจทำกุศลให้กับตัวเอง เช่น ตั้งใจรักษาศีล เลิกอบายมุข เลิกเหล้า เลิกทำสิ่งไม่ดีต่างๆ... ซึ่งหลายคนสามารถฝึกจนได้นิสัยดีๆ และมีกำลังใจเข้มแข็งกลายเป็นสามารถรักษาศีลได้ตลอด หรือเลิกเหล้า เลิกอบายมุข ได้อย่างเด็ดขาดก็มีมากมาย
จากข้อดีดังกล่าวเราจะเห็นความเอื้อเฟื้ออบอุ่นของสังคมชาวพุทธที่สะท้อนออกมาในวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับวิถีธรรมชาติได้อย่างลงตัว
วิถีชีวิตแห่งความดี ยังสะท้อนให้เห็นได้ในประเพณีการทำบุญช่วงเข้าพรรษาคือ ประเพณีถวายผ้าอาบน้ำฝน และ ถวายเทียนพรรษา ซึ่งถือปฏิบัติบำเพ็ญกันมายาวนาน
ประเพณีถวายผ้าอาบน้ำฝนมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดย อุบาสิกาวิสาขา ได้ขอพุทธานุญาตจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อถวายผ้าอาบน้ำฝนสำหรับสรงน้ำให้กับพระภิกษุ
ประเพณีถวายเทียน การบูชาพระพุทธเจ้าด้วยประทีปเทียนไฟ ถือเป็นประเพณีของชาวพุทธในทุกยุคทุกสมัย เพราะชาวพุทธจะทำเทียนเพื่อจุดบูชาพระรัตนตรัยเป็นปกติ
ในสมัยพระสมณโคดมพุทธเจ้า มีเรื่องเล่าว่า กุลธิดานางหนึ่งเมื่อฟังธรรมจาก วัดพระเชตะวันมหาวิหารแล้ว เวลาพลบค่ำนางก็ได้ให้คนที่บ้านนำประทีปไปจุดที่วัดเพื่อให้แสงสว่างแก่พระภิกษุและประชาชนที่มาฟังธรรมในเวลาค่ำ เมื่อนางละจากโลกนี้ไปได้ไปเกิดเป็นเทพธิดาที่มีรัศมีกายสว่างไสวสวยงามมาก
ในชาดกซึ่งเป็นประวัติการสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์ทั้งหลายเราจะพบว่าต่างได้ทำการสักการบูชาพระรัตนตรัยด้วยประทีปเทียนไฟทั้งนั้นและส่งผลให้ท่านเหล่านั้นมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองในธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามลำดับตั้งแต่ต้นกระทั้งถึงที่สูงสุด
ในด้านวิถีการดำรงชีวิต สังคมสมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ฉะนั้น ประทีปเทียนไฟจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก ในการดำรงชีวิต
ประเพณีการถวายประทีปเทียนไฟ จึงเป็นบุญสำคัญที่ชาวพุทธยึดถือปฏิบัติกันตลอดมา
โดยการถวายผ้าอาบน้ำฝน และ ถวายประทีปเทียนไฟนั้นมีอานิสงส์แก่ผู้ที่ถวายด้วยจิตที่เลื่อมใสศรัทธาดังนี้
1. มีผิวพรรณวรรณะงดงาม สะอาด ผ่องใส
2. มีดวงปัญญา เฉลียวฉลาด มีกายทิพย์(เทวดา)ที่มีรัศมีสว่างไสว
3. ได้รูปกายสวยงามถ้าเกิดเป็นหญิงก็สวย เป็นชายก็หล่อ มีปัญญาเข้าใจความจริงของโลกและชีวิตและเป็นผู้มีทรัพย์มาก(ร่ำรวย)
4. เป็นผู้มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต มีพร้อมด้วยลาภยศ สรรเสริญ สุข
5. เมื่อละโลกแล้ว ย่อมไปสู่สุคติโลกสวรรค์
6. ย่อมได้มนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติ และนิพพานสมบัติ
วิถีชีวิตชาวพุทธ เป็นวิถีแห่งการสั่งสมความดี การพัฒนาตัวเอง การอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล ซึ่งแม้ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไป สิ่งแวดล้อมการดำรงชีวิตของมนุษย์จะเปลี่ยนไป แต่แก่นสาระสำคัญของธรรมเนียมประเพณีนี้ หากผู้คนในสังคมนำมาถือปฏิบัติก็ย่อมให้ประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวมได้อย่างแน่นอน ดั่งสัจจธรรมที่ว่า ธรรมะ เป็นอกาลิโก คือไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอย่างไร ผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติตามธรรมด้วยความตั้งใจจริง ก็ย่อมได้รับอานิสงส์อันดีงาม อย่างแน่นอน
สำหรับท่านที่สนใจบำเพ็ญบุญ และร่วมกิจกรรมประเพณีช่วงเข้าพรรษาของจังหวัดต่างๆทั่วประเทศไทยซึ่งมีกิจกรรมหลากหลายทั้ง แห่เทียนพรรษา ตักบาตรดอกไม้ ตักบาตรบนหลังช้าง พิธีสักการะพระเจดีย์สำคัญในจังหวัดที่มีองค์พระเจดีย์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองและอื่นๆอีกมากมาย สามารถติดตามข้อมูลได้จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
www.thai.tourismthailand.org หรือ https://travel.kapook.com/view196068.html
เรียบเรียงโดย โฆษิกา