คุณหมอ AI สร้างจากคุณหมอทั่วโลก

ทำงานได้เหมือนกับหมอที่มีความรู้มาก มีประสบการณ์สูง http://winne.ws/n24762

785 ผู้เข้าชม

ผมมีประสบการณ์การทำวิจัยและพัฒนามานาน เคยได้โจทย์ที่แตกต่างกันมากมาย มีทั้งที่ต้องทำวิจัยเชิงคุณภาพและปริมาณ ทำงานอยู่กับข้อมูลมาตลอดชีวิต

แนวทางการทำงานด้าน IT หรือ Information Technology มีงานหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับงานด้านวิจัยและพัฒนา 

ผมไม่มีข้อมูลเชิงลึกว่าบริษัทเทคโนโลยี เวลาเข้ามาในวงการแพทย์หรือการดูแลสุขภาพมีรายละเอียดวิธีการทำงานของแต่ละโครงการอย่างไร แต่จากประสบการณ์การทำงานกับข้อมูลมานาน ทำให้พอจะเห็นภาพกว้างๆ ว่ามีแนวทางอย่างไร

อยากจะลองวาดภาพให้เห็นว่า มีวิธีการเอา AI มาช่วยวิเคราะห์โรคภัยได้อย่างไร ทำไมมันถึงรู้วิธีการรักษาเหมือนหมอหรือเก่งกว่าหมอทั่วไป 

สมมุติว่า ได้รับมอบหมายให้ทำโครงการเอา AI มาช่วยเรื่องโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร 

สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ หาข้อมูลพื้นฐานรอบด้านเกี่ยวกับโรคให้ครบทุกด้าน เช่น ปัจจัยเสี่ยง สาเหตุของการเกิดโรค อาการของโรค วิธีการวินิจฉัยโรค วิธีการรักษาโรค ฯลฯ

การทำให้คอมพิวเตอร์ หรือ AI รู้วิธีการวินิจฉัยโรค ต้องเริ่มต้นจากการหาตัวอย่างจำนวนมากของคนที่เคยตรวจพบว่าเป็นโรคนี้มาก่อน ยิ่งมีตัวอย่างมากก็จะยิ่งทำให้ประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรคของ AI ถูกต้องมากขึ้น

ต้องหาข้อมูลการวินิจฉัยโรคของผู้ป่วยแต่ละคน เป็นข้อมูลหลายด้าน เช่น ประวัติคนไข้ การตรวจร่างกาย ผลการตรวจด้วยการกลืนแป้งสารทึบแสง ผลการตรวจด้วยการส่องกล้องเข้าระบบทางเดินอาหาร ผลการตรวจด้วยอัตลราซาวนด์ ผลการเอกซเรย์ ผลการตรวจซีทีสแกน การตรวจเลือด การตรวจเนื้อเยื่อ ฯลฯ 

ต้องนำผลการวินิจฉัยที่ถูกต้องของแต่ละคน ป้อนเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับคอมพิวเตอร์ แล้วให้มันประมวลผลว่ามีอะไรที่มีตัวร่วมเดียวกันบ้าง 

คุณหมอ AI สร้างจากคุณหมอทั่วโลก

ข้อมูลที่ป้อนเข้าไป มีคำตอบอยู่แล้วว่า ใครเป็นมะเร็งรุนแรงแค่ไหน สามารถแยะแยะผู้ป่วยแต่ละคนออกเป็นแต่ละระยะได้ คือ

-0 หมายความว่ามะเร็งเกิดขึ้นแล้ว แต่ยังจำกัดอยู่ในบริเวณที่เป็นแหล่งกำเนิดในอวัยวะนั้นๆ

-1 หมายถึงระยะเริ่มต้น ยังไม่ได้เติบโตหยั่งรากลงไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียง และยังไม่ได้แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆของร่างกาย

-2 และ 3 เป็นระยะที่มะเร็งแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียง และอาจกระจายไปถึงต่อมน้ำเหลือง แต่ยังไม่แพร่กระจายรุนแรง

-4 หมายถึงมะเร็งที่มีการเจริญเติบโตไปมากและแพร่กระจายสู่ส่วนอื่นๆ หรืออวัยวะอื่นๆ เป็นระยะแพร่กระจายหรือระยะก้าวหน้า

ในกรณีของโรคมะเร็ง เราสามารถจัดกลุ่มข้อมูลผลการวินิจฉัยออกเป็น 5 กลุ่มข้างต้น มันมีผลการวินิจฉัยที่แสดงให้เห็นความแตกต่างของแต่ละระยะ และมีตัวร่วมที่เหมือนกันแสดงให้เห็นด้วย

ปัจจัยที่สำคัญมากที่สุด คือ จำนวนตัวอย่างที่หลากหลาย มีตัวอย่างของผู้ป่วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในแต่ละระยะจำนวนมากที่ป้อนเข้าคอมพิวเตอร์

เมื่อคอมพิวเตอร์มีรูปแบบที่แตกต่างกันของมะเร็งแต่ละระยะแล้ว หากเราเอาข้อมูลใหม่ที่ไม่รู้มาก่อนว่าคนๆนั้นมีโรคอะไรหรือไม่ ทำการป้อนให้ AI ช่วยวินิจฉัยโรคให้ มันจะเปรียบเทียบว่าข้อมูลใหม่นี้ตรงกับรูปแบบไหนใน 5 ระยะหรือ 5 แบบบ้าง หากไม่ตรงเลยมันจะมีคำตอบว่าไม่เป็นมะเร็ง 

ในกรณีที่ของข้อมูลใหม่ที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง AI จะบอกให้รู้ว่าอยู่ในกลุ่มไหน ระหว่างระยะ 0-4 โอกาสในการรักษาให้หายของระยะแรกๆจะมีมากกว่า และวิธีการรักษาของแต่ละระยะก็มีความแตกต่างกัน

คงต้องศึกษาเปรียบเทียบว่าการตรวจวินิจฉัยแบบไหน สามารถวัดผลได้ถูกต้องมากกว่า ต้องแยกศึกษาเป็นส่วนๆไป เช่น ผลการศึกษาจากเอกซเรย์ ผลการศึกษาจากการตรวจเนื้อเยื่อ ผมการศึกษาจากซีทีสแกน ฯลฯ สมมุติว่ามีข้อสรุปว่าผลการวินิจฉัยด้วยซีทีสแกนช่วยตรวจหาและแยกแยะระยะของมะเร็งได้ถูกต้องที่สุด ก็สามารถใช้วิธีการวินิจฉัยด้วยซีทีสแกนเป็นข้อมูลหลักสำหรับป้อนให้คอมพิวเตอร์ AI

คราวนี้มาถึงวิธีการสอนให้ AI รู้จักวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด ก็ต้องเริ่มต้นจากข้อมูลเช่นกัน

เริ่มด้วยการเอาวิธีรักษาผู้ป่วยที่ประสบความสำเร็จรักษาหายได้ มีผลการรักษาที่ถูกต้องสำหรับผู้ป่วยในแต่ละระยะป้อนเป็นข้อมูลให้คอมพิวเตอร์ ยิ่งมีข้อมูลมากยิ่งดี ต้องเน้นเป็นพิเศษจากข้อมูลวิธีการรักษาของหมอที่มีประวัติผลการรักษาให้หายจากโรคได้มากๆ เอาข้อมูลของหมอเก่งๆทุกคนจากทั่วโลกป้อนเข้าเครื่อง เหมือนเป็นการสอนให้คอมพิวเตอร์ AI เรียนรู้จากหมอชั้นยอดจากทั่วโลก

เจ้า AI ที่มีข้อมูลอยู่มากมาย ทำงานได้เหมือนกับหมอที่มีความรู้มาก มีประสบการณ์สูง เคยเจอกรณีศึกษามามาก มีการเรียนรู้มาก่อนมากเท่ากับข้อมูลที่เคยป้อนให้มัน

เมื่อเอาข้อมูลของผู้ป่วยรายใหม่ป้อนเข้าไป มันก็สามารถแนะนำวิธีการรักษาที่ดีที่สุดได้ทันที

คอมพิวเตอร์ AI ยังช่วยประเมินให้เห็นด้วยว่า ต้องรักษากันนานแค่ไหน ผู้ป่วยแต่ละรายเมื่อเข้าโรงพยาบาลแล้วต้องอยู่รักษากี่วัน มีโอกาสตายหรือหายขาดมากน้อยแค่ไหน หรือว่าจะต้องกลับมารักษาใหม่อีกประมาณช่วงไหน มันช่วยประมาณการค่าใช้จ่ายที่จะต้องเสียในแต่ละช่วงของการเจ็บป่วยได้

อย่างไรก็ตาม ปัญญาประดิษฐ์ ไม่ใช่ผู้วิเศษที่เริ่มต้นทำอะไรต่างๆได้เอง แต่จุดเริ่มต้นของมันต้องอาศัยข้อมูลและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์

ที่กลัวกันว่า AI จะมาทดแทนมนุษย์ และทำให้มนุษย์หมดความหมาย อาจเป็นการตื่นกลัวที่เกินเลยไปหน่อย 

อย่างกรณีตัวอย่างการทำงานของ AI ที่กล่าวถึงในขั้นต้น มันสามารถต่อยอดผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อีก 

AI ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการวินิจฉัยโรคและวิธีการรักษาโรค เป็นงานของสุดยอดหมอที่มีอยู่ คุณหมอมือใหม่สามารถเริ่มต้นจากความรู้และประสบการณ์ของ AI ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ และสามารถต่อยอดโดยเริ่มต้นจากจุดสูงสุดที่มีอยู่ในวงการได้ทันที 

ผลการค้นพบใหม่ๆหรือวิธีการใหม่ๆที่ได้ผล จะถูกป้อนเป็นข้อมูลใหม่ให้ AI อย่างต่อเนื่อง ทำให้มันฉลาดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมันยังคงรอให้มีอัจฉริยะรายใหม่มาสอนให้มันเป็นอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะสำหรับคนรุ่นใหม่อีกที.....


บทความโดย  สุทธิชัย ทักษนันต์  Fb : Suttichai Taksanun

แชร์