จีนกับโอกาสของการเป็นผู้นำเทคโนโลยีโลก อาจเร็วกว่าที่คิด

เทคโนโลยีอเมริกา ในตลาดจีนโอกาสชนะมีน้อย คนเก่งจีนอยากทำงานกับบริษัทจีนมากกว่า ถ้าอเมริกาไม่ปรับปรุงสินค้า ก็มีสิทธิ์แพ้จีน http://winne.ws/n24805

4.2 พัน ผู้เข้าชม

ช่วงนี้มีข่าวว่ายักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอเมริกันหลายแห่ง เช่น กูเกิล เฟซบุ๊ก ฯลฯ กำลังพยายามบุกเข้าไปในตลาดจีน และมีคนสงสัยกันมากว่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน

ในงานสัมมนาของ The New York Times เมื่อช่วงต้นปี 2018 มีการสัมภาษณ์ ดร. ไคฟู ลี คนดังในแวดวงเทคโนโลยี จบจาก Columbia University, Carnegie Mellon เคยมีตำแหน่งงานในระดับสูงเป็นผู้บริหารบริษัทดังของโลกหลายแห่ง คือ Apple, SGI, Microsoft และ Google 

ไคฟู ลี เป็นจีนไต้หวันที่เคยรับตำแหน่งเป็นประธานกูเกิลในประเทศจีน ช่วงปี 2005-2009 ในปัจจุบันเขาทำงานกับบริษัทที่เขาก่อตั้งเอง Sinovation Venteures เป็นผู้สนับสนุนเงินทุนให้กับสตาร์ทอัพที่มีโครงการน่าสนใจทั่วโลก 

ไคฟู ลี ซึ่งมีประสบการณ์ตรงทั้งอเมริกาและจีน ได้ให้ความเห็นที่น่าสนใจตามนี้....

“ผู้คนโดยทั่วไปจับประเด็นไม่ถูกต้องเรื่องจีนมีการปกป้องธุรกิจหรือการเซนเซอร์ ผมทราบดีว่ามันเป็นประเด็นที่มีอยู่จริง มันเป็นเพียงเรื่องเดียวที่คนพูดถึงกันมาก แต่ผมคิดว่าวันนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่เป็นสาเหตุสำคัญ”

“ปัญหาแรกของบริษัทอเมริกัน คือ ผลิตภัณฑ์ไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าจีนได้”

“Messenger เป็นผลิตภัณฑ์ที่แย่กว่า WeChat อย่างมาก”

“Amazon ทำงานได้ดีในอเมริกา แต่ Amazon China มันแย่กว่าอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับ Taobao, Jd, Tmall แล้วมันจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร ปัญหามันอยู่ที่ตัวผลิตภัณฑ์”

“แอปการจ่ายเงินอย่าง Apple ก็ใช้กันในวงแคบๆ เทียบกันไม่ได้กับ Alipay ที่ใช้กันทั้งประเทศ... โดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์อเมริกันไม่สามารถแข่งขันในตลาดจีน”

“ปัญหาเรื่องที่สอง คือ บริษัทข้ามชาติไม่สามารถจ้างคนมาเป็นผู้นำและขับเคลื่อนบริษัทในประเทศจีน”

จีนกับโอกาสของการเป็นผู้นำเทคโนโลยีโลก อาจเร็วกว่าที่คิด

“บริษัทข้ามชาติที่อยู่ในจีนวันนี้ มันน่าแปลกใจมากที่พวกเขานิยมเอาใครที่เคยเป็นผู้ขับเคลื่อนบริษัทในยุโรป ย้ายมาดูแลประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่กว่ามาก และไม่เข้าใจภาษาจีน ไม่สามารถสื่อสารกับคนท้องถิ่น บริษัทข้ามชาติไม่ต้องการจ้างคนจีนมาเป็นผู้บริหาร และนั่นเป็นเรื่องที่แย่มาก”

“ผู้บริหารที่มีอยู่เหล่านั้น คิดแต่เพียงเรื่องเดียว คือ ทำตามคำสั่งสำนักงานใหญ่ หวังที่จะได้โปรโมทเป็น VP หรือตำแหน่งใหญ่ๆเมื่อกลับไปสำนักงานใหญ่ คนพวกนี้ไม่ได้ห่วงเรื่องการเป็นผู้ชนะในตลาดท้องถิ่นที่มีการแข่งขันรุนแรง เอาผู้บริหารแบบนี้มาแข่งกับพ่อค้าจีนที่ทำงานไม่หยุดแบบ 997 ได้อย่างไร ทำงานสัปดาห์ละเจ็ดวันตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงเก้าโมงกลางคืน”

“ปัญหาสุดท้ายที่เป็นปัญหาใหญ่มากสำหรับบริษัทอเมริกัน คือ ไม่มีข้อได้เปรียบเรื่องการจ้างงานในจีนอีกแล้ว”

“คนจีนที่เรียนจบส่วนใหญ่อยากไปทำงานกับบริษัทอย่าง Alibaba, Tencent หรือไม่ก็ตั้งบริษัทของตัวเอง”

“เมื่อก่อนนี้ คนจีนโดยเฉลี่ยทั่วไปอยากทำงานกับบริษัทข้ามชาติใหญ่ๆ แต่เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน อาจมีบางคนที่ยังยกย่องและอยากทำงานกับบริษัทอย่าง Google และ Microsoft แต่จำนวนความต้องการโดยเฉลี่ยมันลดลงอย่างมาก”

“มีประเด็นมากมายที่โดยพื้นฐานแล้วทำให้บริษัทอเมริกันมีความยากลำบากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะไปอยู่ในประเทศจีน”

“เรื่องสุดท้ายอีกอย่างที่เป็นปัญหา เกิดจากบริษัทอเมริกันซึ่งโดยปกติแล้วต้องการให้ทั่วโลกใช้แพลตฟอร์มที่เป็นมาตรฐานเดียวกันหมด ไม่ยอมเปลี่ยนอะไรตามที่คนจีนต้องการ หรือตามที่บริษัทจีนคิดเอาไว้”

“เวลาบริษัทจีนเข้าไปใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย อเมริกาใต้ คนจีนจะทำงานร่วมกับหุ้นส่วนที่เป็นคนท้องถิ่นและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ การลงทุนแบบนี้น่าจะดีกว่าในระยะยาว”

ถ้าว่ากันโดยรวมทั้งตลาดโลก บริษัทเทคโนโลยีอเมริกันยังเหนือกว่าบริษัทเทคจีน อเมริกันมีสิ่งที่เป็นต้นตำรับและความคิดสร้างสรรค์มากกว่า 

แต่ถ้าเป็นเรื่องการลงมือทำจริง ดูเหมือนจีนจะมีประสิทธิภาพมากกว่า และมีตลาดในประเทศที่ใหญ่มาก ทำให้ลองผิดลองถูกในสนามจริงได้มากมาย 

สินค้าจีนสามารถเอาชนะเจ้าตลาดเดิมทั้งจาก อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี ในหลายสาขาแล้ว แต่วันนี้กำลังเร่งเครื่องในสาขาเทคโนโลยีที่มีอเมริกาเป็นผู้นำอยู่เดิม 

ถ้าพิจารณาจาก การสนับสนุนของภาครัฐจีน การทำงานหนักของคนจีน และความยึดหยุ่นปรับตัวของคนจีน เราอาจได้เห็นจีนรับบทนำด้านเทคโนโลยีของโลกในอนาคตก็ได้....

โดย  Suttichai Taksanun

https://www.youtube.com/watch?v=bE3AMnMpV_g

แชร์