ไปสดับธรรม..สัมผัสธรรมชาติ 7 วัดป่าดินแดนอีสานใต้

หากนักท่องเที่ยวท่านใดมีโอกาสไปเยือนถิ่นอีสานใต้ อย่าลืมแวะไปสัมผัสอู่อารยธรรมหลายยุค หลายสมัย และสัมผัสบรรยากาศที่สงบ ร่มรื่น ณ วัดป่าดังกล่าวข้างต้น แล้วท่านจะพบแต่สิ่งดีๆ มีความรู้สึก สดชื่น http://winne.ws/n27291

1.6 พัน ผู้เข้าชม
ไปสดับธรรม..สัมผัสธรรมชาติ 7 วัดป่าดินแดนอีสานใต้

       ดินแดนภาคอีสานตอนใต้ อันประกอบด้วยพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี นอกจากจะเป็นศูนย์รวมแม่น้ำสายหลักของภาคอีสาน (โขง-ชี-มูล) และเป็นอู่อารยธรรมหลายยุค หลายสมัยแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยเฉพาะหลักธรรมในสายวิปัสสนาธุระ ซึ่งดินแดนแถบนี้คือ ถิ่นกำเนิดและแหล่งปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียรของพระเถระสายวิปัสสนาที่มีชื่อเสียงมากมายหลายองค์ อาทิเช่น  หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต  หลวงปู่ชา สุภัทโท  หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่ดุลย์ อตุโล  หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี  หลวงพ่อพุธ ฐานิโย  เป็นต้น  

              

      ปัจจุบันความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาสายวิปัสสนาธุระยังคงดำเนินสืบทอดอยู่ในดินแดนอีสานใต้แห่งนี้อย่างเหนียวแน่น ดังปรากฏอยู่ในวัดป่าที่สงบร่มเย็นท่ามกลางกลิ่นอายของธรรมชาติ และบรรยากาศแห่งธรรมะ การที่ได้มีโอกาสไปสัมผัสธรรมชาติและบรรยากาศแห่งธรรม ณ วัดป่าต่างๆ ในดินแดนอีสานใต้ ถือได้ว่าเป็นการสร้างสุขและเป็นกำไรชีวิตให้แก่ตนเองอย่างยิ่ง และวัดป่าแห่งธรรม 7 วัด ของดินแดนอีสานใต้ที่จะขอกล่าวถึง มีดังนี้

ไปสดับธรรม..สัมผัสธรรมชาติ 7 วัดป่าดินแดนอีสานใต้

วัดหนองป่าพง

        เป็นวัดป่าฝ่ายอรัญวาสี เป็นสำนักปฏิบัติธรรมที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติอันสงบและสงัด มีบรรยากาศร่มเย็นเหมาะแก่การพำนักอาศัยเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม ตั้งอยู่ที่บ้านพงสว่าง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ห่างจากตัวจังหวัดไปตามทางหลวงหมายเลข 2178 (อุบลฯ-กันทรลักษ์) ประมาณ 8 กม. เป็นวัดที่ก่อตั้งโดยหลวงปู่ชา สุภัทโท และเป็นต้นแบบของวัดป่าสายหลวงปู่ชาอีกกว่า 100 แห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายในบริเวณวัดมีพิพิธภัณฑ์ซึ่งจัดแสดงเครื่องอัฐบริขาร และหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ชา และยังมีเจดีย์ศรีโพธิญาณ ซึ่งเป็นสถานที่พระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่ชา มีพื้นที่ป่าภายในเขตกำแพงวัด 186 ไร่ 3 งาน 94 ตารางวา

ไปสดับธรรม..สัมผัสธรรมชาติ 7 วัดป่าดินแดนอีสานใต้

จุดเริ่มต้นของวัดหนองป่าพง เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2497 (ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเส็ง) พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) ท่านได้เดินธุดงค์มาถึง "ดงป่าพง" ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านก่อไปทางทิศตะวันตกประมาณ 3 กิโลเมตร พร้อมด้วยลูกศิษย์จำนวนหนึ่ง เมื่อเดินทางมาถึงก็ได้ทำการปักกลดเรียงรายอยู่ตามชายป่าประมาณ 5-6 แห่ง ดงป่าพงในสมัยนั้นมีสภาพเป็นป่าทึบรกร้าง ชุกชุมด้วยไข้ป่า ในอดีตป่าพงเป็นดงใหญ่ มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด ชาวบ้านเรียกดงดิบนี้ว่า "หนองป่าพง" เพราะใจกลางป่ามีหนองน้ำใหญ่ที่มีกอพงขึ้นอยู่หนาแน่น ต่อมาบริเวณผืนป่าส่วนใหญ่ถูกทำลายหมดไป ยังคงเหลือเพียงส่วนที่เป็นบริเวณของวัดในปัจจุบันเท่านั้น สาเหตุที่ป่าส่วนนี้ไม่ถูกบุกรุกถากถางเพราะชาวบ้าน เชื่อถือกันว่ามีอำนาจลึกลับแฝงเร้นอยู่ในดงนั้น เพราะปรากฏอยู่เสมอว่าคนที่เข้าไปทำไร่ ตัดไม้ หรือล่าสัตว์ เมื่อกลับออกมามักมีอันต้องล้มตายไปทุกราย โดยที่หาสาเหตุไม่ได้ ชาวบ้านจึงพากันเกรงกลัวภัยมืดนั้น ไม่มีใครกล้าเข้าไปทำลาย หรืออาศัยทำกินในป่านี้เลย ดงป่าพงจึงดำรงความเป็นอยู่อย่างสมบูรณ์ ชื่อ "วัดหนองป่าพง" นี้เป็นชื่อที่หลวงพ่อคิดตั้งขึ้นเอง โดยอาศัยสภาพภูมิประเทศเป็นหลัก แต่ชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากก็คือ "วัดป่าพง" โดยระยะแรกๆ หลวงปู่ชา สุภัทโท และลูกศิษย์ต้องต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยวกับไข้ป่า ซึ่งขณะนั้นชุกชุมมาก เพราะเป็นป่าทึบ ยามพระ เณร ป่วย หายารักษายาก ต้องต้มบอระเพ็ดฉันพอประทังไปตามมีตามเกิด โดยที่ท่านไม่ยอมขอความช่วยเหลือเลย เพราะว่าท่านต้องการให้ผู้ที่มาพบเห็นด้วยตาแล้วเกิดความเลื่อมใสเอง หลวงพ่อสอนอยู่เสมอว่า พระไปยุ่งกับการหาเงินก่อสร้างวัดเป็นสิ่งน่าเกลียด แต่ให้พระสร้างคน คนจะสร้างวัดเอง

ไปสดับธรรม..สัมผัสธรรมชาติ 7 วัดป่าดินแดนอีสานใต้

        ชีวิตพระในวัดหนองป่าพงมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การประพฤติพรหมจรรย์ ตามรอยพระยุคลบาทของพระบรมศาสดาที่ทรงดำรงพระชนมชีพอย่างสงบเงียบและเรียบง่ายภายในป่า เพื่อค้นคว้าแสวงหาทางพ้นทุกข์ แล้วทรงนำความรู้แจ้งเห็นจริงนั้นมาเผยแผ่เกื้อกูลความสุขแก่มหาชนทั่วไป การดำเนินชีวิตในวัดหนองป่าพงยึดหลักพระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้เป็นแนวทางปฏิบัติฝึกหัดกายวาจาใจในชีวิตประจำวัน เน้นการศึกษาประพฤติปฏิบัติให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ในศีล สมาธิ ปัญญา พร้อมทั้งนำธุดงควัตร 13 วัตร 14 และกำหนดกฎกติการะเบียบต่างๆ มาผสมผสานเป็นแนวทางปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมการบำเพ็ญสมณธรรมให้ดำเนินไปด้วยดี และมีความละเอียดลึกซึ้งยิ่งๆขึ้น และ ธรรมชาติอันสงบและบริสุทธิ์ของป่าภายในวัดหนองป่าพงเป็นปัจจัยให้การดำรงชีวิตของพระภิกษุเป็นไปด้วยความเรียบง่ายสอดคล้องกับธรรมชาติ ตามแบบของพระธุดงค์กรรมฐาน ผู้มีข้อวัตรปฏิบัติเป็นไปเพื่อขัดเกลาทำลายกิเลสที่ครูบาอาจารย์ได้พาดำเนินมา จีวรและบริขารอื่นๆ ของภิกษุจะมีอยู่อย่างจำกัด มีภิกษุผู้รักษาเรือนคลังสงฆ์เป็นผู้แจกในกาลเวลาที่เหมาะสม การบริโภคอาหารมีเพียงมื้อเดียวตอนเช้า และฉันในบาตร เสนาสนะที่พักอาศัยเป็นกุฏิหลังเล็กๆ ตั้งอยู่ห่างกันในป่า เพื่อให้สามารถปฏิบัติภาวนาได้อย่างสงบ

 

ไปสดับธรรม..สัมผัสธรรมชาติ 7 วัดป่าดินแดนอีสานใต้

วัดป่านานาชาติ

ตั้งอยู่ที่บ้านบุ่งหวาย อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เป็นวัดสาขาอันดับที่ 19 ของวัดหนองป่าพง เดิมชื่อว่าวัดอเมริกาวาส และมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดป่านานาชาติภายหลัง โดยมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า WAT PAH NANACHAT BUNG WAI FOREST MONASTERY ซึ่งเป็นวัดที่มีพระภิกษุชาวต่างชาติ เช่น อังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น  มาจำพรรษาอยู่มิได้ขาด  สำหรับจุดกำเนิดของวัดป่านานาชาติแห่งนี้มีอยู่ว่า เมื่อปี พ.ศ.2510 ซึ่งเป็นปีแรกที่วัดหนองป่าพงได้มี     โอกาสต้อนรับอาคันตุกะชาวอเมริกัน ซึ่งอยู่ในสมณเพศในพระพุทธศาสนา

 

โดยพระภิกษุรูปนั้นมีนามว่า "โรเบิร์ต ฉายา สุเมโธ" ซึ่งวัตถุประสงค์ของการมาครั้งนี้คือเพื่อมาถวายตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ชา สุภัทโท  ต่อมาเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2518 ท่านสุเมโธ และพระภิกษุรูปอื่นๆ ได้เดินทางไปพักอยู่ในเขตป่าช้าบ้านบุ่งหวาย ต.บุ่งหวาย อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ชาวบ้านบุ่งหวายจึงปลูกกระท่อมให้อยู่อาศัยเพื่อการปฏิบัติธรรม และเมื่อจวนจะเข้าพรรษา หลวงปู่ชา สุภัทโธ ได้อนุญาตให้พระชาวต่างประเทศไปจำพรรษารวมกันที่กระท่อมนั้น และได้มอบหมายให้ท่านสุเมโธเป็นประธานเพื่ออบรมพระสามเณรเหล่านั้น นานๆครั้งหลวงปู่ชา สุภัทโธ จะไปให้โอวาทสักครั้ง โดยวัตถุประสงค์ที่ให้พระชาวต่างประเทศไปอยู่รวมกันเพราะเพื่อเป็นการเตรียมตัวไว้ ถึงคราวพระเหล่านี้กลับไปประเทศของตนจะได้สะดวกในการปกครอง ถ้ามีสิ่งใดบกพร่องจะได้แก้ไขให้ดีขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน ได้มีพระภิกษุสามเณรชาวต่างชาติมาจำพรรษาที่วัดป่านานาชาติเป็นจำนวนมาก เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยและปฏิบัติทางวิปัสสนากรรมฐาน พระภิกษุในวัดเกือบทุกรูปจะสามารถพูดภาษาไทยและสวดภาษาบาลีได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ทำให้เป็นที่เคารพศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนทั่วทั้งในและนอกพื้นที่

ไปสดับธรรม..สัมผัสธรรมชาติ 7 วัดป่าดินแดนอีสานใต้

 วัดป่าไทรงาม          

        ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของอำเภอเดชอุดม ประมาณ 1 กิโลเมตร เริ่มก่อตั้งเป็นสำนักสงฆ์เมื่อปี พ.ศ.2515 อาศัยเนื้อที่ป่าสาธารณะ (ป่าช้า) บ้านตลาด จำนวน 25 ไร่ ไม่มีต้นไม้ใหญ่ แห้งแล้ง กันดาร วัดป่าไทรงามเกิดขึ้นจากชาวเดชอุดมศรัทธาในข้อวัตรปฏิบัติของหลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง 

            ชาวอำเภอเดชอุดมจึงไปกราบนมัสการพระคุณเจ้าเพื่อมาชี้แนะแนวทางปฏิบัติ หลวงปู่ชา สุภัทโท จึงให้ความเมตตาส่งพระอธิการอเนก ยสทินโน ซึ่งพื้นเพเดิมเป็นชาวเดชอุดม เป็นหัวหน้าคณะมาจำวัดอยู่สำนักสงฆ์แห่งนี้ นับเป็นสาขาที่ 10 ของวัดหนองป่าพง และวัดป่าไทรงามได้เป็นวัดสมบูรณ์เมื่อปี พ.ศ.2545 ปัจจุบันมีเนื้อที่ 130 ไร่ 

         มีการขุดคลองกว้าง 8 เมตร ลึก 4 เมตร แล้วนำดินที่ขุดขึ้นมาทำคูดินให้เป็นกำแพงวัด ปลูกต้นไม้แทนรั้ว เสียงรบกวนต่างๆ และเสียงประกาศจากชุมชนรบกวนได้ยากเพราะกำแพงดิน กำแพงต้นไม้ ช่วยลดปริมาณความดังของเสียงลง และได้ประโยชน์จากน้ำเป็นการกักเก็บน้ำอย่างชาญฉลาด ให้ความชุ่มชื้นแก่ต้นไม้ และยังเป็นแหล่งเพาะขยายพันธุ์สัตว์น้ำได้อย่างดี มีการปลูกบัวนานาชนิด นอกจากนี้ยังช่วยลดอุณหภูมิในฤดูร้อนได้เป็นอย่างดี

ไปสดับธรรม..สัมผัสธรรมชาติ 7 วัดป่าดินแดนอีสานใต้

         จนได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ ประจำปี 2544 รับพระราชทานรางวัลเข็มทองคำจากสมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2545 และวัดป่าไทรงามยึดถือแนวคำสอนเหมือนวัดหนองป่าพง 

       โดยสอนมุ่งเน้นให้พุทธศาสนิกชนเกิดปัญญา แก้ปัญหาด้วยตนเอง อาศัยความขยันหมั่นเพียรเป็นที่ตั้ง ท่านทั้งเทศน์ให้ฟังและปฏิบัติเป็นแบบอย่าง พระภิกษุสามเณรมีความเพียรในการปฏิบัติธรรมและทำกิจวัตรประจำวัน โดยอาศัยสติเป็นตัวกำหนดในการปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิดสมาธิและก่อให้เกิดปัญญาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งนี้ วัดไม่มีเครื่องรางของขลัง ไม่แจกพระเครื่อง หลีกเลี่ยงที่จะรดน้ำมนต์ ไม่มีมหรสพในวัดไม่ว่ากรณีใดๆ

              

วัดป่าโพธิญาณ

         ตั้งอยู่ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิรินธร ต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี อยู่ห่างจากตัวจังหวัดไปตามทางหลวงหมายเลข 217 (อุบลฯ-ด่านช่องเม็ก) ประมาณ 90 กม. โดยก่อนถึงด่านช่องเม็กประมาณ 2 กม. ด้านขวามือมีถนนเข้าสู่วัด ระยะทาง 3 กม. เป็นวัดป่าสาขาที่ 8 ของวัดหนองป่าพง

ไปสดับธรรม..สัมผัสธรรมชาติ 7 วัดป่าดินแดนอีสานใต้

วัดดอนธาตุ

        ตั้งอยู่บนเกาะกลางลำน้ำมูล ที่บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ห่างจากตัวอำเภอไปตามทางหลวงหมายเลข 2222 (พิบูล-โขงเจียม) ประมาณ 6 กม. เป็นวัดที่หลวงปู่เสาร์เคยจำพรรษา ปัจจุบันยังมีเวชนียสถาน และอัฐบริขารของท่านที่หลงเหลืออยู่ เช่น กุฏิ แท่นหินนั่งสมาธิ

ไปสดับธรรม..สัมผัสธรรมชาติ 7 วัดป่าดินแดนอีสานใต้

วัดภูหล่น

        ตั้งอยู่ที่ ต.สงยาง อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี ห่างจากตัวอำเภอ 20 กม. และห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 78 กม. ตามทางหลวงหมายเลข 2135 เป็นสถานที่ที่หลวงปู่มั่นเริ่มฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงปู่เสาร์ ผู้เป็นอาจารย์
                 

วัดถ้ำแสงเพชร

        ตั้งอยู่ในเขต อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ตามทางหลวงหมายเลข 202 (อำนาจเจริญ-เขมราฐ) ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันออกประมาณ 18 กม. เป็นวัดป่าสาขาที่ 5 ของวัดหนองป่าพง ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาสูง

ไปสดับธรรม..สัมผัสธรรมชาติ 7 วัดป่าดินแดนอีสานใต้

         ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวท่านใดมีโอกาสไปเยือนถิ่นอีสานใต้ อย่าลืมแวะไปสัมผัสอู่อารยธรรมหลายยุค หลายสมัย และสัมผัสบรรยากาศที่สงบ ร่มรื่น ณ  วัดป่าดังกล่าวข้างต้น แล้วท่านจะพบแต่สิ่งดีๆมีความรู้สึก สดชื่น  เบิกบาน สำราญใจไปกับกลิ่นอายแห่งธรรมะและธรรมชาติอันงดงาม ตราบเท่านานแสนนาน

ที่มา https://www.banmuang.co.th/

แชร์