จีนตั้งเป้ามุ่งเป็นประเทศ คาร์บอนศูนย์ในปี 2060

ถึงเวลายักษ์ใหญ่โกกรีน! จีนตั้งเป้ามุ่งเป็นประเทศคาร์บอนศูนย์ในปี 2060! ขณะนี้ปล่อย CO2 มากสุดในโลก ดันมาตรการฟื้นฟูสีเขียวจริงจัง เป็นก้าวใหญ่ช่วยโลกลดโลกร้อน http://winne.ws/n27442

927 ผู้เข้าชม
จีนตั้งเป้ามุ่งเป็นประเทศ คาร์บอนศูนย์ในปี 2060

        จีนประเทศที่ปล่อยมลพิษสูงเป็นลำดับแรกของโลก ประกาศจะปล่อยคาร์บอนให้เป็นกลางให้ได้ก่อนปี 2060 โดยจีนจะขยายการมีส่วนร่วมระดับประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงปารีส โดยจะหันมาใช้นโยบายและมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น พร้อมใช้แผนฟื้นฟูสีเขียวจากการระบาดของโควิด Xi Jinping นายกจีน กล่าว

       Thom Woodroofe อดีตนักการทูตด้านสภาพอากาศและที่ปรึกษอาวุโสของ Asia Society กล่าวว่า คำประกาศของ Xi Jinping ที่จะปล่อยคาร์บอนเป็นกลางให้ได้ก่อนปี 2060 เป็นการเปลี่ยนที่สำคัญ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่จีนมีแนวทางระยะยาวที่ชัดเจนสำหรับการลดคาร์บอนในจีน

        จีนเป็นประเทศที่ปล่อยมลพิษมากที่สุดของโลก และคาดว่าจีนจะปล่อยมลพิษออกมาสูงสุดในปี 2030 อย่างช้าที่สุด

         การปล่อยมลพิษในจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2018-2019 ถึงแม้ทั่วโลกจะเริ่มถอยห่างออกจากพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้วก็ตาม แม้ในช่วงล็อคดาวน์จะทำให้การปล่อยมลพิษลดลงไป 25% แต่ในเดือนกรกฎาคมหลังจากที่โรงงานถ่านหิน ซีเมนต์ และอุตสาหกรรมหนักอื่น ๆ กลับมาเปิด มลพิษก็กลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง

        ซึ่งมีผู้ตั้งสังเกตจากคำประกาศของ Xi Jinping ว่าจีนกำลังใช้ประโยชน์จากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

       แต่อย่างไรก็ตามการประกาศของจีนที่จะปล่อยคาร์บอนเป็นกลาง ก็ยังคงเป็นข่าวที่สำคัญอยู่มากอีกข่าวหนึ่งในวงการสิ่งแวดล้อม แต่ envoy Todd Stern อดีต US climate กล่าวว่า ถ้าจะให้ดีก็คือต้องบรรลุให้ได้ในช่วงปี 2050 ดีกว่า

       จีนไม่ได้เป็นผู้ที่ปล่อยคาร์บอนมากที่สุดของโลกเพียงอย่างเดียว แต่จีนยังเป็นทั้งนักการเงินด้านพลังงานและเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้นการตัดสินใจของจีนจึงมีบทบาทที่สำคัญในการกำหนดทิศทางของโลกว่าจะดำเนินไปอย่างไรจากการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพภูมิอากาศและพลังงาน Richard Black จาก Energy and Climate Intelligence Unit (ECIU) กล่าว

ที่มา https://www.facebook.com/environman.th

แชร์