การออกมาให้ข่าวแจ้งข้อหาสมเด็จวัดปากน้ำ คดีรถปุโรทั่ง ที่มีคนนำมาถวายท่าน แล้วโยงจนเป็นความผิด 

เป็นการเชื่อมโยงสืบเนื่องจาก การจับผิดวัดพระธรรมกาย เป็นการเชื่อมโยง

การแก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ เชื่อมโยงตำแหน่ง สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๒๐

เป็นการโยงเรื่องราวให้ดูเหมือนเป็นคนละเรื่อง 

แต่แท้ที่จริงแล้วแต่ละเรื่อง เปรียบเหมือนสายไฟแต่ละเส้น สายไฟที่โยงมาจากระเบิดเวลาลูก

ใหญ่ ที่ผู้วางระเบิดต้องการจะถล่ม วัดพระธรรมกายต้องการถล่ม สมเด็จวัดปากน้ำ  

เพื่อเปิดช่องให้ตำแหน่ง สมเด็จพระสังฆราชที่จะสถาปนาต่อจากพระองค์ที่่ ๑๙  

เป็นสมเด็จที่ไม่ใช่สมเด็จวัดปากน้ำ !

นับว่า “ช่างโยงสายไฟ“  อย่าง ดีเอสไอ ทำงานใกล้จะมาถึง

ช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว !

ช่วงที่รอใครสักคนมาจุดชนวนระเบิดเวลาลูกนี้ !

ที่เฝ้าฟูมฟักมาเป็นเวลานาน ไม่ว่าใครจะพูดยังไง  

ใครจะตะโกนบอกกี่พันหนว่า  " สิ่งที่ท่านทำอยู่น่ะ มันไม่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม" 

มันเป็นการหาเหตุเพื่อโยงสายไฟให้มันแล้วเสร็จไป  อาจจะทำตามใบสั่งใครหรือเปล่า?

อันนี้ไม่อาจรู้ได้ แต่ก็ชวนให้คิดว่าเป็นเช่นนั้น การออกมาทำงานสอดคล้องกัน  การนำคู่กรณีกับ วัดพระธรรมกายมาเป็นที่ปรึกษา ฯลฯ  สิ่งเหล่านี้ นับว่าเป็น “ทีมช่างเดินสายไฟ“ มืออาชีพ เลยทีเดียว  แต่การโยงสายไฟที่เชื่อมต่อระเบิดเวลาลูกนี้ ของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ  หรือมีชื่อโก้ๆว่า ดีเอสไอ  อาจจะระเบิดก่อนเวลาอันควรและน่ากลัวว่า เป้าหมายที่หมายตาไว้จะอยู่รอดปลอดภัย แถมยังมีผู้คนอนุโมทนาสาธุการ แซ่ซ้องยินดี  

แต่ที่ผิดคาดคือ คนที่เละคาที่ด้วยระเบิดเวลาที่ตนเองอุตส่าห์โยงสายไฟไว้อาจเป็น ดีเอสไอเสียเอง

แต่งานนี้ จะไม่เละแค่ดีเอสไอ  ผู้คนที่อยู่รอบข้าง ผู้สมรู้ร่วมคิด  ผู้ร่วมก่อการก็จะเละไปด้วยกัน  เพราะอย่าลืมว่า ระเบิดลูกนี้เป็นระเบิดลูกใหญ่ เวลาที่มันระเบิด  แสนยานุภาพมันกระจายกว้างไกล  นอกจากจะเละคาที่แล้ว ที่น่าสมเพชหนักขึ้นก็คือ  จะมีผู้คนสาปแช่ง ถ่มน้ำลาย  สมน้ำหน้าตามมา  

โยงสายไฟมาถึงขนาดนี้แล้ว  มัวรออะไรอยู่  กดชนวนระเบิดเลยสิท่าน  

ดีเอสไอ !!