A Sense of Urgency “ทักษะแห่งความสำเร็จ” ที่คุณต้องมีเพื่อความอยู่รอด

วาดภาพชีวิตในบั้นปลายตามความต้องการให้เป็น เปิดใจรับความกลัวและความตายที่ย่างใกล้เข้ามา ตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ควรเปลี่ยนแปลงและลงมือทำนับตั้งแต่ตอนนี้ http://winne.ws/n7072

771 ผู้เข้าชม
A Sense of Urgency “ทักษะแห่งความสำเร็จ” ที่คุณต้องมีเพื่อความอยู่รอด

              ในโลกปัจจุบันที่สิ่งต่าง ๆ แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเสียทุกด้าน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่คนที่จะประสบความสำเร็จได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืนต้องทำได้เก่ง

             สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เราตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องปรับตัว หรือเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอด คือ ความกลัว เช่น กลัวจะล้มเหลวในชีวิต กลัวว่าธุรกิจจะต้องหายไปจากตลาด กลัวจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ กลัวจะเป็นโรคจนต้องตาย กลัวจะตกอับยากไร้เงินทอง

             เมื่อความกลัวก่อตัวขึ้น Sense of Urgency (การตระหนักรู้ถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง) จึงผุดขึ้นมาในสมอง ด้วยเวลาที่กำลังหมุนเดินไปอย่างไม่มีวันหยุด และการสำนึกรู้ถึงความตายที่กำลังก้าวย่างเข้ามาอย่างช้า ๆ ทำให้คุณจะไม่สามารถอยู่นิ่งสโลว์ไลฟ์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย จำเป็นจะต้องลุกขึ้นมาปฎิวัติตนเอง หรือทำอะไรสักอย่างที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิต หรือธุรกิจของคุณ

             ผมเองคิดเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยความบังเอิญ อยู่ดี ๆ เจ้าการตระหนักรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงก็ผุดขึ้นมาในสมอง ด้วยความคิดถึงอายุที่เริ่มจะมากขึ้น (กลัวเวลาที่สูญหายไป) ความสำเร็จที่ยังห่างเหิน และมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก (กลัวการล้มเหลวในชีวิต) คิดไปคิดมาจนมาจบที่คำถามสำคัญว่า..

ตอนนี้มัวทำอะไรอยู่?

ผมเข้าใจว่า sense of urgency คงกำลังมาเคาะประตูเรียก ทำให้เริ่มตระหนักรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ควรทำ จึงรีบค้นหาขั้นตอนสำคัญสู่การสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน ก็ได้รู้ว่าสุดยอดปรมาจารย์ที่ทั่วโลกนับถือด้านการเปลี่ยนแปลง คือ ด็อกเตอร์ จอห์น คอตเตอร์ (Dr.John Kotter) ซึ่งเป็นอาจารย์อยู่ MIT และ Harvard เขียนหนังสือขายดีด้านการเปลี่ยนแปลงมากมาย อาทิ Leading Change, A Sense of Urgency, The Heart of Change

ด็อกเตอร์ จอห์น คอตเตอร์ระบุว่า บุคคล หรือองค์กรใด ที่ไม่รู้จักการเปลี่ยนแปลงปรับตัว จะไม่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน และนอกจากนี้กว่า 70% ล้มเหลวในการเปลี่ยนแปลง

เขาจึงทำการศึกษาวิจัยกว่า 30 ปีจนค้นพบ 8 ขั้นตอนที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งผมอยากแบ่งปันให้แฟน ลีดเดอร์วิงส์ เผื่อนำไปใช้ดังนี้

1.สร้างการตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลง (Create Sense of Urgency)

          ขั้นตอนแรกผมมีแน่นอน เพราะอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกจวนตัว และจำเป็นจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อชีวิตนี้จะได้นอนตายตาหลับ หากคุณเป็นเจ้าของกิจการ หรืออยากจะเปลี่ยนแปลงตนเอง ให้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น ขั้นตอนนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ถ้าหากคุณยังไม่ตระหนักรู้ถึงความจวนตัวที่จะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง ก็อาจจะเดินจับโปเกมอนไปวัน ๆ หรือทำงานแบบเช้าชามเย็นชามได้

2.สร้างการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง (Build Guiding Coalition)

             หากเป็นองค์กรธุรกิจควรจะสร้างทีมที่มีอำนาจเพื่อนำการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาเป็นหัวหอก ซึ่งควรจะประกอบ ไปด้วยคนที่กล้าตัดสินใจ คนที่มีอำนาจโดยตำแหน่ง หรือหน้าที่ และมีความตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงองค์กร หรือธุรกิจ

แต่ถ้าหากเป็นการเปลี่ยนแปลงระดับตัวบุคคล ผมคิดว่าจะเป็นการดีหากมีคนที่เคยมีประสบการณ์ในสิ่งที่คุณอยากจะเปลี่ยนแปลงมาคอยสนับสนุน หรือคนที่อาจมีอำนาจคอยช่วยเหลือ คุณเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น

3.กำหนดวิสัยทัศน์ (Form Strategic Vision & Initiatives)

           การจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จะต้องมีจุดหมาย หรือวิสัยทัศน์ที่สิ่งคุณต้องการจะนำการเปลี่ยนแปลงไปสู่จุดนั้น

              คนส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จนั้นล้วนเป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เช่นเดียวกันกับการทำธุรกิจ ธุรกิจไหนมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่าก็ย่อมมีโอกาสประสบผลสำเร็จ ปรับเปลี่ยน และอยู่รอดได้มากกว่าธุรกิจที่คิดสั้น ไม่มีการกำหนดนโยบาย หรือเป้าหมายข้างหน้า

การกำหนดวิสัยทัศน์ที่ดีจะต้องเห็นภาพชัด มีโฟกัสที่ชัดเจน สามารถสื่อสารต่อได้ ยืดหยุ่นเพียงพอ และเกิดขึ้นได้จริง

4.ระดมตัวช่วย (Enlist a Volunteer Army)

         ในการเปลี่ยนแปลงระดับใหญ่ หรือขนาดองค์กร ควรจะระดมสรรพกำลังมาช่วยในการสร้างความเปลี่ยนแปลง โดยประกอบด้วยคนที่มีแรงกาย และแรงใจที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้น ยิ่งมีจำนวนมากยิ่งดี จะช่วยปลุกกระแสการเปลี่ยนแปลงได้ง่าย

สำหรับการเปลี่ยนแปลงระดับบุคคลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปพร้อมกับเพื่อนหรือคนสนิท จะช่วยเสริมสร้างกำลังใจ และคอยสนับสนุนให้การเปลี่ยนแปลงนี้ง่ายขึ้น ยิ่งชักชวนเพื่อนได้มาก ยิ่งมีโอกาสสำเร็จ

5.ขจัดอุปสรรคทิ้ง (Enable Action by Removing Barriers)

           การเปลี่ยนแปลงจะง่ายยิ่งขึ้นถ้าหากคุณสามารถขจัดเจ้าตัวกีดขวางออกไปเยอะที่สุด ในกรณีนี้อาจจะต้องลองคิดดูว่าการเปลี่ยนแปลงที่คุณอยากให้เกิดนั้นเกี่ยวข้องกับอะไรที่เป็นอุปสรรคสำคัญ อาทิการลดน้ำหนัก อุปสรรคสำคัญอาจจะเป็นอาหารที่เต็มตู้เย็นหรือขนมขบเคี้ยวที่วางอยู่เต็มบ้าน คุณอาจขจัดเจ้าสิ่งนี้ออกไป เสียก่อนจะช่วยลดการกินจุกจิกลงได้

6.ชัยชนะแม้เพียงเล็กน้อยสำคัญที่สุด (Generate Short-Term Wins)

          ถึงแม้จะเป็นความสำเร็จแม้เพียงเล็กน้อย แต่ความสำเร็จช่วยสร้างกำลังใจ และพลังขับเคลื่อนให้ทีมงาน หรือแม้แต่ตัวคุณก้าวเดินไปต่อได้ในอุปสรรคที่กำลังขวางอยู่ตรงเบื้องหน้า สมมุติว่าคุณสามารถอ่านหนังสือได้วันละ 10 หน้าจากเดิมไม่เคยอ่านได้เลย ก็ถือเป็นความสำเร็จเล็ก ๆ ที่คุณควรยินดีกับมัน เพราะอนาคตสิ่งนี้จะช่วยต่อยอดให้คุณกลายเป็นนักอ่านตัวยงอย่างแน่นอน

7.สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง (Sustain Acceleration)

          มาถึงตรงนี้แล้วคุณก็น่าจะเริ่มเปลี่ยนแปลงอะไรได้บางอย่าง แต่จุดหนึ่ง นโยบายหรือกฎเดิมที่ทุกคนเคยปฎิบัติตาม หรือธรรมเนียมปฎิบัติที่ล้วนเคยทำสืบต่อกันมา อาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง ถ้าหากมันขัด กับสิ่งที่ต้องการจะเปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายจะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นไปอย่างยั่งยืน เช่นเดียวกับการเปลี่ยนอุปนิสัยเดิมที่คุณเคยทำต่อเนื่องมา ก็จะทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน

8.ปลูกฝังรากลึกของการเปลี่ยนแปลง (Institute Change)

          การจะทำการเปลี่ยนแปลงให้อยู่รอดในระยะยาวต้องอาศัยเวลา และแรงกายแรงใจอย่างมหาศาล เพราะการ เปลี่ยนแปลงระดับองค์กรต้องอาศัยความร่วมของทุกฝ่าย ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงระดับตัวบุคคล อาจต้อง ใช้เวลาที่เช่นกันกว่าอุปนิสัยที่เดิมที่เคยชิน จะเปลี่ยนแปลงไปได้

             ในการเปลี่ยนแปลงระดับองค์กรควรจะวางตัวคนที่นำการเปลี่ยนแปลงนี้พัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่อง เป็นการวางแผนระยะยาว เน้นการปลูกฝังวัฒนธรรมและค่านิยมให้เด่นชัดสืบต่อกันไป ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง

            ท้ายที่สุดการเปลี่ยนแปลงจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ถ้าหากขาด sense of urgency ไป ขอให้คุณลองใช้เวลาอยู่เพียงลำพัง คิดถึงสิ่งที่ประสบผลสำเร็จไปแล้วที่ผ่านมาในอดีต และคิดถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง วาดภาพชีวิตในบั้นปลายต้องการให้เป็นอย่างไร เปิดใจรับความกลัวและความตายที่ย่างใกล้เข้ามา ตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ควรเปลี่ยนแปลงและลงมือทำนับตั้งแต่ตอนนี้

เพราะชีวิตคนเรานั้นสั้นหนัก รู้แล้วรีบลงมือทำเถอะครับ

ที่มา  leaderwings

แชร์