อาการอย่างไร? เสี่ยงเป็นโรคจอตาเสื่อม

อาการอย่างไร? เสี่ยงเป็นโรคจอตาเสื่อม http://winne.ws/n8254

907 ผู้เข้าชม
อาการอย่างไร?  เสี่ยงเป็นโรคจอตาเสื่อม

ดวงตา เป็นอวัยวะที่สำคัญมาก เพราะใช้ประโยชน์ในการมองเห็น ทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ ลองคิดดูสิว่า หากเราไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ จะดำรงชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก แล่ส่งผลต่อจิตใจมากเพียงใด เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราคงต้องดูแลและถนอมดวงตาคู่นี้ของเราให้ดีที่สุด

โรคจอตาเสื่อม 

       เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของจุดศูนย์กลางจอตา ซึ่งเป็นจุดรับภาพที่ทำให้เรามองเห็น จอตาเสื่อม แบ่งออกเป็นชนิดแห้งและชนิดเปียก โดยพบชนิดแห้งได้มากกว่า

สาเหตุโรคจอตาเสื่อม

        เกิดขึ้นจากเซลล์ประสาทตาบริเวณจุดรับภาพค่อย ๆ เสื่อมไปเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ ตามอายุ และใช้เวลานานพอสมควร จนเมื่อถึงระยะสุดท้าย ผู้ป่วยจะมองไม่เห็นตรงกลาง แต่จะมองเห็นด้านข้างได้ ซึ่งตรงข้ามกับต้อหิน ที่การมองเห็นจะเริ่มจากรอบนอกเข้ามาตรงกลาง

       จอตาเสื่อมชนิดเปียก แม้จะพบได้น้อยกว่าชนิดแห้ง แต่กลับมีความรุนแรงกว่า เนื่องจากจะมีการเสื่อมของจอตาร่วมกับการสร้างเส้นเลือดผิดปกติใต้จอตา ทำให้จอตาบวมและมีเลือดออก จึงอาจมีอาการตามัวเฉียบพลัน และมองไม่เห็นในทันทีได้อาการโดยทั่วไปของชนิดแห้ง คือมองไม่เห็นภาพตรงกลาง หรือเห็นภาพบิดเบี้ยว ไม่สามารถอ่านหนังสือได้

ปัจจัยเสี่ยงของจอตาเสื่อมในผู้สูงวัย

       ปัจจัยเสี่ยงเกิดขึ้นจากเมื่อมีอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้มาก่อน แต่รุ่นลูกก็จะเสี่ยงที่จะเป็นได้เร็วกว่า คือเมื่อมีอายุน้อยกว่าเมื่อครั้งที่พ่อแม่เป็น รวมถึงผู้ที่ต้องอยู่กลางแดดนานๆ ตลอดเวลา สูบบุหรี่ อ้วน เป็นโรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น และมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

การรักษาโรคจอตาเสื่อม

        โรคจอตาเสื่อมเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ การรักษาจึงเพื่อยับยั้งโรคด้วยวิธีการ เช่น เลเซอร์ทำลายเส้นเลือดที่ผิดปกติ การผ่าตัด และการฉีดยาเข้าไปในน้ำวุ้นตาโดยตรงเพื่อยับยั้งการหลั่งสารที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นเลือดที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน

       การรักษาโรคจอตาเสื่อมนอกจากจะยับยั้งโรคได้แล้ว ยังทำให้การมองเห็นดีขึ้นในบางรายอีกด้วย แต่การรักษาวิธีนี้จะต้องฉีดซ้ำตามการวินิจฉัยของแพทย์

        โรคจอตาเสื่อม เป็นโรคที่สามารถยับยั้งได้ ดังนั้น หากพบความผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อป้องกันความสูญเสียที่จะตามมาในภายหลังได้ 

See more at: http://www.thaiseniormarket.com/article-detail/324#sthash.XMmaCMvg.dpuf

ที่มา http://www.thaiseniormarket.com/article-detail/324

แชร์