ศิษย์ธรรมกาย เปิดหลักฐานใหม่ เส้นทางการเงินจากสหกรณ์สร้างตึกหมดแล้ว

เส้นทางการเงินเช็คจากสหกรณ์เข้าวัดพระธรรมกาย http://winne.ws/v3610

1.4 พัน ผู้เข้าชม

นอกจากนี้คณะศิษย์ธรรมกาย ยังอธิบายแถลงการณ์ เพิ่มเติมถึงความบริสุทธิ์ของพระธัมมชโย ดังนี้

ความไม่ชอบธรรมผิดหลักกฎหมายในการตั้งข้อกล่าวหาพระเทพญาณมหามุนี

การดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาแก่พระเทพญาณมหามุนี  ว่าสมคบกันฟอกเงินและรับของโจร ในคดีพิเศษที่ 27/2559 เป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ด้วยเหตุผลดังนี้

1. กรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ทางดีเอสไอดำเนินการสอบสวนในคดีพิเศษที่ 146/2556 และได้ส่งสำนวนสอบสวนไปยังอัยการแล้ว โดยไม่มีพระเทพญาณมหามุนีอยู่ในฐานะผู้ต้องหา ซึ่งหลักกฎหมายมีอยู่ว่า  มูลคดีใดที่พนักงานสอบสวนส่งสำนวนไปยังอัยการแล้ว อำนาจในการพิจารณาสั่งคดีจะอยู่ที่อัยการ พนักงานสอบสวนจะไปสอบสวนและตั้งข้อหาบุคคลอื่นอีกในมูลคดีเดิมนั้นเพิ่มโดยพลการไม่ได้

2.ต่อมาทางอัยการได้สั่งให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไปสอบสวนเพิ่มเติม ในมูลคดีเกี่ยวกับเส้นทางการเงินของเช็คจำนวน 878 ฉบับ ซึ่งในจำนวนนี้พนักงานสอบสวนได้มาสอบปากคำพระเทพญาณมหามุนีกรณีรับเช็คสหกรณ์คลองจั่น จากนายศุภชัย จำนวน 10 ฉบับ และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้รวบรวมสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติมทั้งหมดในคดี 146/2556นี้ ส่งไปให้อัยการเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2558  และเสนอให้ทางอัยการสั่งตั้งข้อหาสมคบกันฟอกเงินและรับของโจรแก่พระเทพญาณมหามุนี

3. ทางอัยการได้พิจารณาสั่งคดีที่ 146/2556 เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2559 โดยไม่สั่งฟ้องพระเทพญาณมหามุนี มีคำสั่งเพียงว่า หากปรากฏพยานหลักฐานว่ามีบุคคลอื่นร่วมสมคบหรือสนับสนุนการกระทำผิด  ก็ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายต่อไป

4. ทางพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้นัดหมายแถลงข่าวว่าจะตั้งข้อหารับของโจรกับพระเทพญาณมหามุนีในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ทางทนายความผู้รับมอบอำนาจของพระเทพญาณมหามุนี  จึงได้ทำหนังสือสอบถามทางอัยการว่า ทางพนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีอำนาจแยกคดีตั้งข้อหาเองในกรณีนี้หรือไม่ ได้รับคำตอบจากอัยการว่า ในกรณีนี้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะต้องทำการสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมแล้วส่งมาให้ทางอัยการพิจารณาสั่ง จะไปแยกคดีตั้งข้อหาเองไม่ได้

5.ทางทนายความผู้รับมอบอำนาจได้ทำหนังสือแจ้งคำตอบของทางอัยการ ให้กับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษทราบเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559

6.การที่นายธรรมนูญ อัตโชติ ได้มาแจ้งความกล่าวโทษพระเทพญาณมหามุนีในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2559 และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งเป็นคดีที่ 27/2559 ขึ้น แล้วออกหมายเรียกเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ให้พระเทพญาณมหามุนีไปพบในฐานะผู้ต้องหาสมคบกันฟอกเงินและรับของโจร  จึงอาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ( ตามนัยคำพิพากษาฎีกา ที่ 9/2481 )

7. นายพัฐจักร เทพษร ศิษยานุศิษย์ของวัดพระธรรมกายได้ไปกล่าวโทษต่อ ปปช. ว่าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในคดีที่ 27/2559 นี้เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มาตรา 200 มาตรา 83 มาตรา 86 แล้ว เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 และกล่าวโทษนายธรรมนูญ อัตโชติ ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด

8. กระบวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีที่ 27/2559 นี้ มีความไม่ชอบธรรมหลายประการ อาทิ มีการตั้งข้อหาคดีพิเศษและออกหมายเรียกเป็นผู้ต้องหาอย่างรวดเร็ว เมื่อพระเทพญาณมหามุนีขอเลื่อนการพบพนักงานสอบสวนด้วยเหตุอาพาธ โดยมีใบรับรองแพทย์จากทั้งคลินิกและโรงพยาบาลของรัฐไปแสดง แต่พนักงานสอบสวนกลับไม่อนุญาต โดยไม่มีการให้แพทย์จากหน่วยงานกลางมาตรวจอาการ ว่าท่านป่วยจริงหรือไม่ แต่ไปขอศาลออกหมายจับเลย

9. คณะศิษยานุศิษย์มีข้อสงสัยว่า การตั้งคดีที่ 27/2559 ของทางดีเอสไอน่าจะไม่ถูกต้อง  ผิดหลักกฎหมายมาตั้งแต่ต้น จึงไม่มีความชอบธรรมในการดำเนินคดี  เหมือนกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อๆ มาก็ผิดไปหมด

 คณะศิษยานุศิษย์จึงจะแจ้งความดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อมิให้เจ้าพนักงานลุแก่อำนาจ ปฏิบัติหน้าที่ตามอำเภอใจ เป็นการสร้างมาตรฐานความถูกต้องชอบธรรมทางกฎหมายให้เกิดขึ้นแก่สังคมต่อไป

                                                         นายองอาจ ธรรมนิทา

                                          โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย

                                                          17 พฤษภาคม 2559


ที่มา : winnews

แชร์