"ศาสนา" กับ "รัฐธรรมนูญ 2559" มิให้รัฐกระทำการใด ๆ อันเป็นการลิดรอนสิทธิหรือเสียประโยชน์
มิให้รัฐกระทำการใด ๆ อันเป็นการลิดรอนสิทธิหรือเสียประโยชน์ : ด้วยบทบัญญัติเหล่านี้ จึงเป็นเรื่องที่ภาครัฐน่าจะออกมาอธิบายให้คลายความกังวลและยืนยันว่า ไทยจะยังคงเป็นดินแดนที่มีเสรีภาพในการนับถือศาสนาต่อไป http://winne.ws/n10810
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ผ่านมาทุกฉบับ แม้จะให้รัฐอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา แต่ก็มิได้ละเลยเพิกเฉยกับศาสนาอื่น
ทั้งยังให้ส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความสมานฉันท์ระหว่างศาสนิกทุกศาสนา รวมทั้งสนับสนุนการนำหลักธรรมมาใช้เพื่อเสริมสร้างคุณธรรมและการพัฒนาคุณภาพชีวิต
ขณะเดียวกัน ก็บัญญัติให้การนับถือศาสนา นิกายทางศาสนา หรือลัทธินิยมในทางศาสนาให้เป็นเสรีภาพ รวมถึงการปฏิบัติตามศาสนธรรม ศาสนบัญญัติ หรือปฏิบัติตามพิธีกรรมตามความเชื่อของตนที่แตกต่างจากคนอื่นด้วย
การนับถือนี้ได้รับความคุ้มครอง มิให้รัฐกระทำการใด ๆ อันเป็นการลิดรอนสิทธิหรือเสียประโยชน์อันควรมีควรได้ เพราะเหตุแห่งการนับถือที่แตกต่างกันดังกล่าว
ในร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มาตรา 31 บัญญัติว่าบุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการนับถือศาสนา และย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติ หรือประกอบพิธีกรรมตามหลักศาสนาของตน
แต่ปรากฏถ้อยคำว่า ต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยแห่งรัฐ และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
นอกจากนี้ มาตรา 67 บัญญัติให้รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น
สำหรับพระพุทธศาสนา ให้รัฐสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของเถรวาท มีมาตรการและกลไกไม่ให้มีการบ่อนทำลายไม่ว่ารูปแบบใด โดยให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมด้วย
เป็นครั้งแรกที่บัญญัติให้พึงสนับสนุนและคุ้มครองพระพุทธศาสนาเถรวาท รวมไปถึงประเด็นความมั่นคง
ด้วยบทบัญญัติเหล่านี้ แต่มีเจ้าหน้าที่ภาครัฐ กำลังคิดใช้กำลังตำรวจเป็นกองพัน พร้อมอาวุธครบมือ แค่...เพื่อบุกจับพระชรา ที่นอนป่วยหลายโรค มากว่า 10 ปี ทั้งที่ลูกศิษย์ก็ไม่มีอาวุธใด ๆ ที่จะมาต่อสู้ จึงเป็นเรื่องที่ภาครัฐน่าจะออกมาอธิบายให้คลายความกังวลและยืนยันว่า ไทยจะยังคงเป็นดินแดนที่มีเสรีภาพในการนับถือศาสนาต่อไป
อ้างอิง : บทบรรณาธิการ