คล้ายว่าสงฆ์มี"ปัญหา" แต่เมื่อพิจารณาแล้ว คณะสงฆ์มิใช่ตัว"ปัญหา"
นั่นก็คือ เพื่อแก้ปัญหาแต่เมื่อถามว่า ที่ว่าเป็น”ปัญหา” นั้น ปัญหาที่ว่านั้นคืออะไร ก็ชักจะเริ่มเกิด “ปัญหา”คล้ายกับจะเป็นปัญหาของ “คณะสงฆ์”แต่เมื่อพิจารณาจาก “มติ” ของที่ประชุม”มหาเถรสมาคม”เมื่อเดือนมกราคมก็จะเห็นว่า “คณะสงฆ์”มิใช่ตัว”ปัญหา” http://winne.ws/n11798
เป้าหมายของ 81 สนช.ที่เสนอแก้ไขเพิ่มเติมพรบ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 เป็นเป้าหมายที่ดีนั่นก็คือ
เพื่อแก้ปัญหาแต่เมื่อถามว่า ที่ว่าเป็น”ปัญหา” นั้น ปัญหาที่ว่านั้นคืออะไร
ก็ชักจะเริ่มเกิด “ปัญหา”คล้ายกับจะเป็นปัญหาของ “คณะสงฆ์”แต่เมื่อพิจารณาจาก “มติ” ของที่ประชุม”มหาเถรสมาคม”เมื่อเดือนมกราคมก็จะเห็นว่า “คณะสงฆ์”มิใช่ตัว”ปัญหา”
เนื่องจากเป็นมติอันเป็น “เอกฉันท์” สะท้อน “เอกภาพ”อันแข็งแกร่งอย่างยิ่งของ “กรรมการ” มหาเถรสมาคมไม่ว่า”มหานิกาย” ไม่ว่า”ธรรมยุต”เมื่อภายใน “คณะสงฆ์” ดำรงอยู่อย่างเป็น”เอกภาพ”อันแข็งแกร่งและมั่นคงเช่นนี้
“ปัญหา” หรือที่เรียกว่า”ความขัดแย้ง” ย่อมอยู่ที่อื่น
อยู่ที่ไหน ต้องยอมรับว่า “มหาเถรสมาคม” ปฏิบัติตามบทบัญญัติของ พรบ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 ครบถ้วน
ไม่มีตรงไหนที่เป็นการ”ละเมิด”
กระบวนการของ “มหาเถรสมาคม” ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)จึงได้นำเรื่องเดินไปตามแบบแผน
แบบแผนก็คือ พรบ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 นั่นเองคือ
ส่งเรื่องไปยัง “รัฐมนตรี”
เพื่อที่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะส่งเรื่องไปยัง “รองนายกรัฐมนตรี” เพื่อกรองอีกชั้นก่อนส่งถึงมือของ “นายกรัฐมนตรี” เพื่อนำทูลเกล้าฯ
เรื่องมา “ติด” อยู่ตรงนี้
เป็นการติดจาก “เดือนมกราคม” ยืดเยื้อและยาวนานมายัง”เดือนธันวาคม”
จึงได้เกิดการแก้ไข”กฎหมาย”
เนื้อหาการเสนอแก้ไขพรบ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535 ที่สำคัญก็คือ
แก้ไข มาตรา 7
ตัดขั้นตอนของ “มหาเถรสมาคม” ในความรับผิดชอบในกระบวนการสถาปนา”สมเด็จพระสังฆราช”ออกไป
เหลือเพียง “นายกรัฐมนตรี”
ให้ “นายกรัฐมนตรี” อยู่ในฐานะเป็น “ผู้รับสนอง”พระบรม ราชโองการ
เท่ากับเรื่องของ”สมเด็จพระสังฆราช”มิได้เป็นเรื่องของ”พระ” หากแต่มาอยู่ในความรับผิดชอบของ”นายกรัฐมนตรี”ซึ่งเป็น “พลเรือน”
ชัดหรือยังในเป้าหมายและวิธีคิด
ขอบคุณบทความดี ๆ จาก http://www.matichon.co.th/news/410203