ตำนานของหิ่งห้อย แมลงน้อยมีแสง

ในอินเดียยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับกำเนิดหิ่งห้อยด้วยว่า หิ่งห้อย เกิดจากความร่วมมือของเทพ 3 องค์ เพื่อให้มนุษย์เลิกกินอาหารดิบและมีไฟเอาไว้ใช้ ฯลฯ http://winne.ws/n11829

5.4 พัน ผู้เข้าชม
ตำนานของหิ่งห้อย แมลงน้อยมีแสง

       

         หิ่งห้อยหรือ (Firefly) เป็นแมลงพวกด้วงปีกแข็ง จัดอยู่ในอันดับ คอลีออพเทอร่า (Coleoptera) วงศ์แลมพายริดี้ (Lampyridae) มีลักษณะลำตัวยาวรี ตัวเต็มวัยของหิ่งห้อยเพศผู้มีปีกเสมอ  ส่วนเพศเมียมีทั้งชนิดที่มีปีกและชนิดไม่มีปีก ซึ่งมีลักษณะเป็นหัวหนอน  หิ่งห้อยที่มีปีกมีลำตัวยาวตั้งแต่ 4-25 มิลลิเมตร แล้วแต่ชนิด ส่วนเพศเมียที่เป็นตัวหนอนอาจมีลำตัวยาวถึง 100 มิลลิเมตร

            หิ่งห้อย มีอวัยวะทำแสงอยู่ที่ปล้องปลายท้องซึ่งมีอยู่  2 ปล้องในเพศผู้ และ 1 ปล้องในเพศเมีย  ตัวอ่อน หิ่งห้อยเป็นตัวหนอนที่มีอวัยวะทำแสงอยู่ที่ปลายท้อง ไข่ของหิ่งห้อยบางชนิดมีแสง

         แสงของ หิ่งห้อยเกิดจากขบวนการทางเคมี  โดยในปล้องแสงของ หิ่งห้อยมีสาร ลูซิเฟอริน (Luciferin) รวมทั้งได้รับพลังงาน เอทีพี (ATP: Adenosine Triphoshate)  ซึ่งเป็นโปรตีนให้พลังงานในเซลล์  ทำให้เกิดแสงที่เรามองเห็นได้ในเวลากลางคืน   หิ่งห้อยกระพริบแสงเพื่อเป็นสื่อให้คู่ของมันมาผสมพันธุ์

         การกระพริบแสงของ หิ่งห้อยมีอยู่ 2 แบบคือกระพริบแสงพร้อมกันและไม่พร้อมกัน  จังหวะการกระพริบแสงของหิ่งห้อยสามารถบอกถึงความแตกต่างของ หิ่งห้อยแต่ละชนิดได้  หิ่งห้อยทำแสงทั้งช่วงเวลากลางวันและช่วงเวลากลางคืน

           หิ่งห้อยตัวเต็มวัยไม่กินอาหาร เพียงแต่กินน้ำหรือน้ำค้างที่เกาะอยู่ตามใบไม้   ส่วนตัวหนอนเป็นตัวห้ำ ส่วนใหญ่กินหอยเป็นอาหาร  หอยที่เป็นอาหาร หิ่งห้อยมีหลายชนิดที่เป็นพาหะของพยาธิต่างๆ เช่น พยาธิใบไม้ในเลือดหรือพยาธิใบไม้ในตับของคน    และสัตว์ จึงเป็นการกำจัดไม่ให้พยาธิแพร่ระบาดได้

           หิ่งห้อยเมื่อผสมพันธุ์แล้ววางไข่เป็นฟองเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มตามใบพืชหรือน้ำหรือตามดินที่ชื้นแฉะ ไข่ฟักออกเป็นตัวหนอนซึ่งมีอยู่ 4-5 วัย  จึงเข้าดักแด้แล้วออกมาเป็นตัวเต็มวัย  วงจรชีวิตของ หิ่งห้อยใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3-12 เดือน แล้วแต่ชนิด

          ในเวลากลางวัน หิ่งห้อยหลบซ่อนตัวอยู่ตามพงหญ้าหรือวัชพืชในที่ชื้นแฉะ หรือหลบตามกาบไม้ซอกไม้ต่างๆ ในเวลากลางคืนจึงบินออกมาจับคู่ผสมพันธุ์และวางไข่  ตัวหนอน หิ่งห้อยมีแหล่งอาศัยแตกต่างกันไปตามชนิด  ส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณที่ชุ่มชื้นและสะอาด ไม่มีมลพิษจากสิ่งแวดล้อม เช่น ตามทุ่งนาและบ่อน้ำตามชนบท บางชนิดอยู่ตามดินในป่าและตามป่าชายเลน

          ต้นไม้ที่ หิ่งห้อยชอบเกาะกระพริบแสง ส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ที่มีใบโปร่ง ในธรรมชาติพบเกาะอยู่ตามต้นลำพู ต้นแสม ต้นโกงกาง ต้นโพทะเล และต้นทิ้งถ่อน

          เนื่องจากหนอน หิ่งห้อย อาศัยอยู่ได้เฉพาะในแหล่งที่สะอาดเท่านั้น                       การอนุรักษ์ หิ่งห้อยทำได้โดยการรักษาแม่น้ำ ลำคลอง บึงต่างๆ ให้สะอาด โดยไม่ทิ้งขยะ หรือสารเคมีลงในแหล่งน้ำ  รวมทั้งอนุรักษ์ป่าไม้ เช่น ป่าต้นน้ำ และ รวมทั้งต้นไม้  ที่อยู่ตามริมน้ำต่างๆ

           ตำนาน หิ่งห้อย ให้อุดมสมบูรณ์  ทำให้ หิ่งห้อย สามารถขยายพันธุ์ดำรงชีวิต     อยู่ได้ เป็นการเพิ่มความสวยงามให้แก่ธรรมชาติต่อไป

          ในประเทศไทย หิ่งห้อย ก็มีชื่อให้เรียกขานต่างกันไป ตามแต่ละท้องถิ่น เช่น       แถบบางเขน เรียกว่า แมลงทิ้งถ่วง อยุธยา, ชัยนาท เรียกว่า แมงคาเรือง ที่สุพรรณบุรี เรียกว่า แมงแสง

          หิ่งห้อย นอกจากมีชื่อต่างกันไปตามท้องถิ่นแล้วในแต่ละที่ก็มีความเชื่อ ความรู้ เกี่ยวกับหิ่งห้อยแต่ต่างกันไป ทั้งในด้านปรัชญา ศาสนา ศีลธรรม 

          ความเชื่อของคนมาเลเซีย พวกโอรังดูซัน ซึ่งเป็นเผ่าพื้นเมือง เชื่อว่าหิ่งห้อยเป็นวิญญาณของคนตายส่วนคนมาลายูก็เชื่อว่าหิ่งห้อยเกิดจากเล็บมือมนุษย์

          ในอินเดีย มีคนเชื่อว่าหิ่งห้อย คือ นัยน์ตาของเทพเจ้าที่หลงเหลืออยู่        หลังจากสงครามซึ่งความเป็นอยู่ส่วนใหญ่ ส่วนเนื้อหนังและกระดูกโดนโยนลงแม่น้ำและเน่าเปื่อยไปแล้วเหลือเพียงนัยน์ตาที่ส่องแสงได้ในความมืด

          ในอินเดียยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับกำเนิดหิ่งห้อยด้วยว่า  หิ่งห้อย เกิดจากความร่วมมือของเทพ 3 องค์ เพื่อให้มนุษย์เลิกกินอาหารดิบและมีไฟเอาไว้ใช้ โดยเทพองค์แรกเป็นแมลงตัวหนึ่งปั้น มาจากขี้ไคลของพระองค์ อีกพระองค์ถูพระวรกายของพระองค์เองจนเกิดไฟลุกขึ้น แล้วก็เอาไฟไปติดที่แมลงตัวนั้น ส่วนอีกพระองค์ก็รีบนำแมลงตัวนี้ส่งให้มนุษย์อย่างเร่งด่วน แต่ระหว่างทางไฟก็ค่อย ๆ มอดลง เหลือเพียงที่ก้นแมลงอยู่นิดหนึ่ง ซึ่งแมลงตัวนี้ก็คือ หิ่งห้อยตัวแรกนั่นเอง

          ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า  หิ่งห้อย คือวิญญาณของคนตายตามที่ ส.พรายน้อย      (นักเขียน ผู้หนึ่ง) เล่าว่าในฤดูร้อนริมฝั่งแม่น้ำอูจี (ในญี่ปุ่น) ฝูง หิ่งห้อย ที่อยู่คนละฟากของแม่น้ำ จะยกพลเข้ารบกัน พวกที่แพ้ก็จะตกลงไปในน้ำ ทำให้ผิวน้ำเป็นประกายชาวบ้านจึงจับกลุ่มกันดูความงามอันน่าประหลาดนี้และกล่าวว่า นี่คือนิสัยคุมถิ่นที่ติดตัวมาครั้งที่ยังเป็นมนุษย์และหิ่งห้อยนี่คือ วิญญาณของ 2 ตระกูลนักรบในอดีตที่รบรากันมาแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน

          อดีตมีการใช้ประโยชน์ หิ่งห้อย เป็นโคมไฟราคาถูกสำหรับชาวบ้าน ในจีนและญี่ปุ่น นักศึกษาที่ยากจนจะจับ  หิ่งห้อย ใส่ภาชนะต่างตะเกียงเพื่อใช้อ่านหนังสือในเวลากลางคืน ที่จาไมก้า  หิ่งห้อย มีขนาดใหญ่ให้แสงสว่างมากเพียงแค่ 6-7 ตัวก็ให้แสงสว่างเพียงพอกับการอ่านหนังสือแล้ว 

         ที่บราซิลจะจับหิ่งห้อยมาใช้ในพืชพวกน้ำเต้า เจาะรูรอบ ๆ ใช้แทนตะเกียงในกระท่อม บางครั้งชาว บราซิลจะจับ หิ่งห้อย มาประดับในเรือนผม หรือไม่ก็ผูกไว้ที่ข้อเท้าขณะเดินป่า 

          ชาวปานามาที่ยากจนนิยมจับ หิ่งห้อย ใส่ในกรงกระดาษเล็ก ๆ เพื่อนำมาติดเป็นต่างหู 

         แม้แต่ในประเทศไทยก็มีตำนานที่สืบทอดกันมานาน กล่าวว่า  หิ่งห้อย คือวิญญาณของชายที่จุดตะเกียงโคมตามหาหญิงคนรักที่ชื่อนางลำพูซึ่งจมหายไปในแม่น้ำ เพราะฉะนั้นลำพูจึงเป็นต้นไม้ที่ หิ่งห้อย  ชอบเกาะเนื่องจากความเชื่อที่ว่าเป็นวิญญาณของคนรักตน

แชร์