สิ่งเดียวที่เราไม่อาจหนีพ้นได้ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน คือ"ผลของกรรมชั่ว"
“บุคคลที่ทำกรรมชั่วไว้ ถึงจะหนีไปทางไหน ไม่มีสถานที่ใด ที่จะพ้นจากการรับผลกรรมชั่วได้เลย” http://winne.ws/n15579
ในสมัยพุทธกาล มีแคว้น 2 แคว้นที่นับว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยนั้นคือ แคว้นโกศลกับแคว้นมคธ สองแคว้นนี้ถือว่าเป็นเครือญาติกัน เพราะน้องสาวของพระเจ้าปเสนทิโกศล ผู้ปกครองแคว้นโกศลมาสมรสกับพระเจ้าพิมพิสาร ผู้ครองแคว้นมคธ
ตอนพระเจ้าอช่าติศัตรู ปลงพระชมม์พระราชบิดา พระเทวีก็ตรอมใจตาย แคว้นโกศลกับแคว้นมคธเกือบทำสงครามกัน ด้วยกรรมที่พระเจ้าอชาติศัตรูปลงพระชนม์พระราชบิดา ตัวเองก็ถูกพระราชโอรสปลงพระชนม์เหมือนกัน เป็นราชวงศ์ที่ลูกฆ่าพ่อไปตลอด จนชาวเมืองทนไม่ไหวคิดว่าเป็นราชวงศ์จัญไร เลยล้มราชวงศ์เสีย
ส่วนพระเจ้าปเสนทิโกศล ก็ถูกราชโอรสคือวิฑูทภะ ที่เกิดจากนางทาส ที่ไปขอมาจากศากยวงศ์แย่งราชบัลลังก์ เมื่อพระเจ้าวิฑูทภะได้ราชสมบัติแล้ว ก็กลับไปฆ่าล้างโคตรพวกศากยะทั้งหมดจนเลือดนองแผ่นดิน เพราะแค้นที่เคยดูหมิ่นตนไว้ ขากลับยังไม่ทันได้ถึงวัง พักค้างแรมริมแม่น้ำ น้ำป่าก็พัดมาท่วมตาย
ศึกษาธรรมะ ดูตัวอย่างในอดีต แล้วก็สามารถย้อนกลับมาสอนตัวเองว่า ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน พอเวลากรรมมันส่งผล ก็ไม่อาจจะหนีกรรมพ้น ถึงไม่มีใครทำอะไรได้ แต่กรรมมันจะจัดสรรความวิบัติให้เอง
ดังคำพระศาสดาว่า ...
“บุคคลที่ทำกรรมชั่วไว้ ถึงจะหนีไปทางอากาศ ก็พ้นจากกรรมชั่วไปไม่ได้
หนีไปในท่ามกลางมหาสมุทร ก็พ้นจากกรรมชั่วไปไม่ได้
หนีเข้าไปในซอกเขาก็ไม่พ้นจากกรรมชั่วได้
ไม่มีสถานที่ใด ที่จะพ้นจากการรับผลกรรมชั่วได้เลย”
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก https://m.facebook.com/SCJ.Mhin/photos/a.1701190396795158.1073741828.1701074613473403/1910736342507228/?type=3