จดหมายจากแม่ถึง..ลูกสาวที่อยู่วัดพระธรรมกาย ตอน "แม่อยากให้ลูกของแม่ อยู่วัดแล้วไม่ติดหนี้สงฆ์"

วัด เป็นสถานที่ไว้วัดคุณงามความดีของตัวเอง เพราะไปวัดที่ไหนก็ไม่ค่อยเหมาะใจ เหมือนที่วัด เช่นวัดความตระหนี่ในใจของตนเอง วัดความบริสุทธิ์ของศีลในกาย วาจา ของเรา วัดความนิ่งของจิตใจด้วยการปฏิบัติสมาธิภาวนา ซึ่งปฏิบัติที่ไหนก็ไม่เหมือนที่ "วัด" http://winne.ws/n16239

2.1 พัน ผู้เข้าชม
จดหมายจากแม่ถึง..ลูกสาวที่อยู่วัดพระธรรมกาย ตอน "แม่อยากให้ลูกของแม่ อยู่วัดแล้วไม่ติดหนี้สงฆ์"แหล่งภาพจาก www.dmc.tv

จดหมายจากแม่ถึงลูกสาวที่อยู่วัดพระธรรมกาย

ถึงแม้ว่า จะอยู่วัดรักษาศีล 8 แล้ว ลูกก็จะประมาทไม่ได้นะคะ 

ถึงวันนี้ลูกคงไม่ลืมว่า...

วัด เป็นที่สถานที่ประดิษฐานพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

วัด เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ของพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า 

วัด เป็นสถานที่ไว้วัดคุณงามความดีของตัวเอง เพราะไปวัดที่ไหนก็ไม่ค่อยเหมาะใจ เหมือนที่วัด เช่นวัดความตระหนี่ในใจของตนเอง วัดความบริสุทธิ์ของศีลในกาย วาจา ของเรา วัดความนิ่งของจิตใจด้วยการปฏิบัติสมาธิภาวนา ซึ่งปฏิบัติที่ไหนก็ไม่เหมือนที่ "วัด"

         แต่ทุกวันนี้ มีบุคคลต่าง ๆ ที่พยายามจับผิดมาที่วัด ว่าวัดเป็นสถานที่ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่วัดก็อยู่เฉย ๆ คนที่ไปวัด ก็ยังไม่หมดกิเลส ก็มีดีถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง ก็เป็นเรื่องปกติ เหมือนกับหน่วยงานต่าง ๆ องค์กรต่าง ๆ แม้แต่ที่บ้าน ก็อาจไม่มีใครถูกใจใครได้ตลอดเวลาหรอกนะ

        ฉะนั้น เวลาที่ลูกอยู่วัด ก็ต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้ไว้ เพื่อเราจะได้เข้าใจคนข้างนอกวัดด้วย และเราพยายามฝึกตนเองให้บริสุทธิ์กาย วาจา และใจให้มากขึ้นนะ

        แม้แต่ในชีวิตประจำวัน ที่อาจมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง เพราะอยู่กันจำนวนมาก แต่แม่ขอให้ลูกอดทนนะคะ เพราะอยู่ที่ไหนก็กระทบกระทั่งกันทั้งนั้นแหละ ลูกอาจได้ยินข่าวที่ขับรถปาดหน้ากันแล้วโมโห ควักปืนออกมายิงกันก็เป็นได้ แม้แต่ชกต่อยกัน ด่ากันกลางถนนก็มี

        อีกเรื่องที่แม่อยากฝากลูกของแม่ไว้ และพยายามปฏิบัติให้ได้ก็คือ การช่วยแบ่งเบาภาระของหลวงพ่อทั้งสอง ประหยัดในทุกอย่าง เพราะวัดเราเป็นวัดใหญ่ ลูกศิษย์แต่ละคนที่อยู่วัดก็ต่างคนต่างมา จากครอบครัวทั่วไทย ดังนั้น อาจมีนิสัยต่าง ๆ แตกต่างกันไปเพราะการเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน

จดหมายจากแม่ถึง..ลูกสาวที่อยู่วัดพระธรรมกาย ตอน "แม่อยากให้ลูกของแม่ อยู่วัดแล้วไม่ติดหนี้สงฆ์"แหล่งภาพจาก DMC.tv

        เรื่องความเป็นอยู่ ในกิจกรรมประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปิดไฟ การเปิดน้ำใช้ ควรมีสติและตรองดูตามที่หลวงพ่อและคุณยายท่านทำเป็นตัวอย่างนะคะ

         คุณยายฯ เคยบอกว่า "ยายเวลาตักน้ำราดส้วม ยายไม่ยอมให้น้ำหกเลยสักหยดเดียว" และพี่อุปัฏฐากคุณยายฯ ก็เล่าให้ฟังอีกว่า "คุณยายซักผ้าทุกวัน ผ้าคุณยายจึงขาวสะอาดแม้จะเก่าแล้วก็ตาม เพราะสิ่งสกปรกไม่มีโอกาสฝังเข้าไปในเนื้อผ้าได้เลย" 

         หรือแม้แต่หลวงพ่อธัมมชโย ที่อุปัฏฐาก เคยเปิดเผยให้ลูกศิษย์ฟังว่า "ท่านใช้น้ำแค่ถังเหลือง(ถังสังฆทาน) ถังเดียว เวลาสรงน้ำแต่ละครั้ง และแม้แต่รัดประคตหรือเข็มขัดคาดเอวของพระ หลวงพ่อก็ใช้เป็น 10 ปี จนขาดและเย็บ หรือแม้แต่ดินสอที่แท่งสั้นแล้ว หลวงพ่อก็ยังนำมาต่อ ๆ กันให้ยาวขึ้นและใช้เขียนต่อได้อีก"

       แม่เองเห็นครูบาอาจารย์ท่านประหยัดแบบนี้ แล้วมันรู้สึกจุกที่คอ ตื้นตันใจ จนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลยจ้า แล้วก็มีคำถามในใจว่า "ทำไม หลวงพ่อคุณยายฯจะต้องประหยัดและใช้ของคุ้มค่าขนาดนี้ด้วยนะ ทั้งที่ชาวโลกเขาแทบจะไม่มีใครเขาทำกัน"

      ลูกของแม่ อย่าดูเบานะ แม่พยายามหาคำตอบ ว่าเพราะอะไร ? จนกระทั้งถึงจุดหนึ่ง ที่แม่ได้คิดและมีความเข้าใจขึ้นมาพอเป็นคำตอบได้บ้าง....

       เงินวัด เงินที่หลวงพ่อคุณยาย หรือที่ลูกศิษย์ที่อยู่วัด มาวัด นั้น เป็นเงินที่ญาติโยมบริจาคมา ไม่ใช่เงินที่เราประกอบอาชีพหามาเอง ดังนั้น จึงเป็นเงินที่เขาจบขึ้นหัวอธิษฐานแล้วอธิษฐานอีก ถ้าเราใช้สมบัติวัดที่ซื้อด้วยเงินของญาติโยม แล้วไม่ประหยัด ก็เท่ากับทำลายสมบัติพระศาสนา แล้วยังมีโอกาสทำลายศรัทธาของญาติโยมอีกด้วย

จดหมายจากแม่ถึง..ลูกสาวที่อยู่วัดพระธรรมกาย ตอน "แม่อยากให้ลูกของแม่ อยู่วัดแล้วไม่ติดหนี้สงฆ์"แหล่งภาพจาก kalyanamitra.org

       ดังนั้นการจะเปิดไฟ ก็ตาม การจะใช้น้ำก็ตาม รับประทานอาหารก็ตาม หรือแม้จะใช้วัสดุอุปกรณ์ของวัดทุกอย่าง แม้แต่อาคาร ประตู หน้าต่าง จึงต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุด มิเช่นนั้น เราจะใช้แบบเป็นหนี้พวกเขา เพราะเขานำมาให้ด้วยความศรัทธาพระรัตนตรัย ศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเขาศรัทธาในหลวงพ่อทั้งสองและคุณยายฯ มาก ๆ จึงมาทำบุญกับท่าน ลูกลองคิดดูนะ เราเป็นลูกศิษย์ท่าน ถ้าทำไม่ดีก็เท่ากับลูกที่ไม่เคารพเชื่อฟังพ่อแม่ ชีวิตก็ไม่เจริญ จริงไหมคะ

        อีกอย่างลองนึกถึงคนภายนอกวัด เขาต้องหาทรัพย์มาเอง ใช้เอง ถ้าเขาใช้ฟุ่มเฟือย เขาก็จะไม่มีเงิน และจะลำบาก ถ้าต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขามาอีก และชีวิตก็ไม่แน่นอน ร่างกายเกิดเจ็บป่วยทำงานไม่ได้ เขาก็ยิ่งลำบาก จริงไหม ? 

        ดังนั้น เขาจึงต้องประหยัดมาก ๆ จะเปิดไฟก็ให้คิดเสมอว่า นั่น เงินกำลังไหลออกจากกระเป๋าไปแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไร จะย่างก้าวขึ้นรถเดินทางไปไหน เงินก็ไหลออกจากกระเป๋าไปแล้ว เวลาเราเปิดน้ำนะลูก ก็เหมือนเงินไหลจากก๊อกน้ำ เปิดไฟก็เช่นกัน แล้วลูกจะได้ประหยัดเป็น โดยเฉพาะทุกสิ่งอย่างในวัดนั้น เป็นเงินที่ญาติโยมบริจาคมาทั้งสิ้น รวมทั้งค่าน้ำค่าไฟฟ้า ค่าอาหารต่าง ๆ ค่าซ่อมแซมอาคารต่าง ๆ รวมทั้งค่าชุดวัดที่สวมใส่ ก็เป็นเงินบริจาคทั้งสิ้น ใช่ไหมจ๊ะ

       แม่อยากให้ลูกของแม่ อยู่วัดแล้วไม่ขาดทุน ให้อยู่แบบหลวงพ่อทั้งสอง และคุณยายฯที่ท่านทำให้ดูเป็นตัวอย่างนะคะ แล้วลูกจะได้ไม่ต้องติดหนี้ในพระพุทธศาสนา และจะมีแต่บุญที่เพิ่มขึ้น ๆ ทุก ๆ วัน ค่ะ

"วัดพระธรรมกาย เป็นเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่กินน้ำน้อย ถ้าลูก ๆ ทำตามหลวงพ่อทั้งสองและคุณยายฯ อย่างแท้จริงค่ะ"

วันนี้ แม่ขอคุยกับลูกแค่นี้ก่อนนะคะ เอาไว้มีเวลา แม่จะเขียนมาคุยกับลูกใหม่จ้า"

แม่เชื่อว่า ลูกทำได้ดีอยู่แล้ว แต่วันนี้ ขอเขียนมาทบทวนให้ลูกอ่านเท่านั้นเองค่ะ

รักคิดถึงและห่วงใยลูกเสมอ

สะเดาหวาน

8 มิถุนายน 2560 เวลา 19.30 น.

ขอบคุณวิดิโอจาก https://youtu.be/6gCy81oPMFc

แชร์