ระวัง!! พืช 9 ชนิดที่พิษสงรุนแรงที่สุด
พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่ให้ประโยชน์มากมายแก่มนุษย์ ไม่ว่าจะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ ดูดซับน้ำฝน ป้องกันการพังทลายของหน้าดิน แม้กระทั่งปัจจัย 4 เราก็สามารถหามาจากพืชได้ทั้งหมด http://winne.ws/n17444
พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่ให้ประโยชน์มากมายแก่มนุษย์ ไม่ว่าจะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ ดูดซับน้ำฝน ป้องกันการพังทลายของหน้าดิน แม้กระทั่งปัจจัย 4 เราก็สามารถหามาจากพืชได้ทั้งหมด แต่ใช่ว่าต้นไม้ทุกต้นจะเป็นคุณ เพราะบางต้นนั้นก็มีพิษสงรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพืชทั้ง 9 ชนิดที่ยกตัวอย่างมานี้
1. อะโคไนต์, มองส์ฮูด หรือวูฟส์เบน (aconite, monkshood, wolfs’ bane) Aconitum napellus
ไม้พุ่มเล็กๆ ที่มีดอกสีม่วงชนิดนี้ เคยไปโผล่ในชั้นเรียนวิชาปรุงยาของศาสตราจารย์สเนป ในหนังสือแฮร์รี พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ด้วย อะโคไนต์มีพิษอยู่ทุกส่วน มนุษย์รู้จักนำพิษของมันมาใช้อาบลูกศรหรือนำเหยื่อล่อไปชุบเพื่อจัดการกับหมาป่ามาตั้งแต่สมัยโบราณ จึงเป็นที่มาของชื่อ Wolf’s bane (“bane” เป็นภาษาอังกฤษโบราณ หมายถึงพิษ)
ผู้ที่ได้รับสารพิษอะโคนิทีน (aconitine) จากต้นอะไคไนต์เข้าไปผ่านการกิน จะมีอาการชา อาเจียน ท้องร่วง ชัก หัวใจเต้นผิดจังหวะ จนทำให้เสียชีวิตได้
2. ละหุ่ง (castor) Ricinus communis
หลังจากนำเมล็ดละหุ่งมาสกัดน้ำมันออกไปแล้ว หนึ่งในของเสียที่ได้คือสารไรซิน (ricin) ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างโปรตีน เมื่อรับประทานไรซินเข้าไปจะเริ่มแสดงอาการภายใน 10 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่กระเพาะอาหารระคายเคือง ปวดท้อง อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด หัวใจเต้นถี่ขึ้น ความดันต่ำ เหงื่อออกมาก หมดสติ ชัก และเสียชีวิตในเวลาไม่กี่วัน ไรซินบริสุทธิ์ในรูปผงแป้งจะทำให้ปอดบวมจนระบบหายใจล้มเหลว
3. วอเตอร์เฮมล็อก (water hemlock) Cicuta spp.
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงไม้พุ่มที่มีดอกเป็นช่อสีขาวน่ารัก แต่วอเตอร์เฮมล็อกถือได้ว่าเป็นพืชที่มีพิษร้ายแรงมาก สารพิษซิคูท็อกซิน (cicutoxin) นั้นมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง หากได้รับเข้าไปจะทำให้เกิดอาการชักเกร็ง เวียนหัว อาเจียน กล้ามเนื้อกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ ชีพจรเต้นเร็ว น้ำลายฟูมปาก ม่านตาขยาย และเสียชีวิตเนื่องจากระบบหายใจล้มเหลวในที่สุด
4. ลำโพง หรือแตรปีศาจ (devil’s trumpet) Datura spp. และแตรนางฟ้า (angel’s trumpet) Brugmansia spp.
คำโบราณของฝรั่งว่าไว้ว่า ผู้ที่ได้รับพิษจากเมล็ดและใบของพืชกลุ่มนี้จะ “ร้อนเป็นกระต่ายป่า ตาบอดเหมือนค้างคาว ปากแห้งผากเป็นกระดูก หน้าแดงเหมือนหัวบีต และบ้าอย่างกับช่างทำหมวก” นักวิทยาศาสตร์ยืนยันแล้วว่าสารอัลคาลอยด์ในพืชชนิดนี้มีฤทธิ์ยับยั้งสารสื่อประสาทอะเซทิลโคลีน (acetyl choline) ส่งผลให้เกิดอาการดังกล่าวได้จริง
วันหนึ่งในปี ค.ศ. 2006 วัยรุ่นชาวแคนาดา 4 คนเกิดอาการคลุ้มคลั่งจนต้องถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉินเป็นการด่วน หลังจากกลืนกินเมล็ดลำโพงเข้าไปเพราะต้องการลิ้มลองประสบการณ์ประสาทหลอน บางคนต้องถูกจับมัดเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ทำร้ายตัวเองและเจ้าหน้าที่
5. กิมพีกิมพี (Gympie Gympie) Dendrocnide moroides
ชื่อ “กิมพี” มาจากชื่อเมืองในรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย อาจฟังดูตลก แต่หากใครได้เกิดไปสัมผัสเข้า อาจขำไม่ออก เพราะขนเล็กๆ ที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นบนใบของมัน จะทิ่มแทงผิวหนังจนทำให้ปวดแสบปวดร้อนไปหลายเดือนเลยทีเดียว นักวิทยาศาสตร์ให้คำแนะนำสำหรับการแก้พิษว่า ให้ราดด้วยกรดไฮโดรคลอริก แล้วใช้แผ่นแว็กซ์ดึงขนเล็กๆ นั้นออกมา
ที่ตลก(ร้าย)คือ วิธีล้างพิษก็สร้างความเจ็บปวดได้ไม่แพ้กัน
6. ฮอกวีดยักษ์ (giant hogweed)
ต้นฮอกวีดยักษ์อาจสูงได้ถึง 6 เมตร ถ้าผิวหนังสัมผัสกับน้ำยางของมันจะเกิดเป็นรอยผื่นแดง พุพอง และกลายเป็นแผลเป็นถาวร และถ้าหากเข้าตา จะถึงขั้นตาบอดได้เลยทีเดียว
ฮอกวีดยักษ์นั้นมีหน้าตาคล้ายกับต้นไม้ทั่วๆ ไป ทำให้กรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งรัฐนิวยอร์กต้องออกคู่มือการจำแนกพืชชนิดนี้ออกจากต้นไม้อื่นๆ เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับประชาชน
7. เบนเบอร์รีขาว (white baneberry) Actaea pachypoda
ด้วยรูปร่างของผลที่มีลักษณะกลม มีสีขาว และมีจุดดำบริเวณที่เคยเป็นยอดของเกสรตัวเมียมาก่อน ทำให้มันมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ดวงตาตุ๊กตา” (doll’s-eye) พิษที่อยู่ในผลของพืชชนิดนี้จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจหยุดการทำงาน จึงเป็นอันตรายร้ายแรงถึงตายได้หากรับประทานเข้าไปโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่ไม่มีผลกับนกซึ่งเป็นตัวช่วยแพร่กระจายเมล็ดให้กับมัน
8. เบิร์ทเวิร์ท (birthwort) Aristolochia spp.
ต้นไม้ในสกุลนี้ถูกใช้เป็นสมุนไพรมาช้านาน สายพันธุ์ A. tagala ในไทยถูกเรียกว่ากระเช้าผีมด
เบิร์ทเวิร์ทเป็นส่วนผสมของตำรับยาแผนโบราณทั้งของจีนและอินเดีย แต่มันมีผลข้างเคียงคือทำให้เกิดอาการไตวายจนองค์การอาหารและยา (FDA) แห่งสหรัฐอเมริกาเรียกร้องให้ยุติการบริโภคยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของกรดอะริสโตโลคิก (aristolochic acid) ซึ่งเป็นสารพิษที่พบได้ในพืชสกุลนี้
9. ต้นแมนชินีล หรือแอปเปิลชายหาด (manchineel tree, beach apple) Hippomane mancinella
ต้นไม้ชนิดนี้พบได้ในแถบอเมริกากลางและทางตอนใต้สุดของสหรัฐอเมริกา ในสเปนมันได้ชื่อว่าเป็นต้นไม้แห่งความตาย เพราะรูปทรงของผลที่คล้ายแอปเปิลทำให้คนที่เผลอกินเข้าไปเสียชีวิตมาแล้วนักต่อนัก นอกจากนี้ ทุกส่วนของต้นนั้นยังเต็มไปด้วยพิษจากน้ำยางข้นเหนียวสีขาวที่ไหลซึมออกมาจากใบ กิ่ง เปลือกไม้ และผลของมัน ผิวหนังของผู้ที่สัมผัสโดนจะเป็นแผลพุพองคล้ายถูกไฟไหม้
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ในธรรมชาติยังมีพืช เห็ด และสัตว์อีกหลายชนิดที่ฆ่าเราได้ด้วยพิษ แต่ก็ใช่ว่าควรจะกำจัดทิ้งไปให้หมด เพราะพิษร้ายแรงพวกนี้มีไว้เพียงป้องกันตัวและต่อสู้กับการคุกคาม ทางที่ดีเราควรทำความรู้จักเอาไว้ ป้องกันตัวเองจากการสัมผัส และสูดดม และหลีกหนีถ้าพบเจอ
ที่มา : iflscience.com ,sciencedirect.com ,emergency.cdc.gov ,wildernesscollege.com ,edis.ifas.ufl.edu/fr370
http://www.workpointtv.com/news/43017
บทความโดย ศุภกิจ พัฒนพิฑูรย์ และ อาจวรงค์ จันทมาศ