ภายใต้ช่องกฎหมายเดียวกัน!!! อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมเอกชนใช้ได้ แต่ชาวบ้าน และพระสงฆ์ใช้ไม่ได้???

เรื่องนี้กฎหมายมีช่องว่าง พนักงานเจ้าหน้าที่อนุญาตให้เอกชนใช้ได้ตามกฎหมาย แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าภายใต้ช่องกฎหมายเดียวกัน ทำไมเอกชนใช้ได้ แต่ชาวบ้านใช้ไม่ได้ พระสงฆ์ใช้ไม่ได้ http://winne.ws/n18726

4.1 พัน ผู้เข้าชม
ภายใต้ช่องกฎหมายเดียวกัน!!!   อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมเอกชนใช้ได้ แต่ชาวบ้าน และพระสงฆ์ใช้ไม่ได้???

ภายใต้ช่องกฎหมายเดียวกัน!!! 

อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมเอกชนใช้ได้ แต่ชาวบ้าน และพระสงฆ์ใช้ไม่ได้???


 ไม่ได้เพ่งเล็งที่สกุลอยู่วิทยา แต่อ่านแล้วนึกถึงข่าวไล่พระป่าออกจากป่าชุมชนหมู่บ้านแค่นั้นเอง
 และก็รู้ดีว่าเรื่องนี้กฎหมายมีช่องว่าง พนักงานเจ้าหน้าที่อนุญาตให้เอกชนใช้ได้ตามกฎหมาย แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าภายใต้ช่องกฎหมายเดียวกัน ทำไมเอกชนใช้ได้ แต่ชาวบ้านใช้ไม่ได้ พระสงฆ์ใช้ไม่ได้

Cr : Ptt Cnkr

ภายใต้ช่องกฎหมายเดียวกัน!!!   อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมเอกชนใช้ได้ แต่ชาวบ้าน และพระสงฆ์ใช้ไม่ได้???
ภายใต้ช่องกฎหมายเดียวกัน!!!   อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมเอกชนใช้ได้ แต่ชาวบ้าน และพระสงฆ์ใช้ไม่ได้???

'อิศรา' เปิดข้อมูล บ.ลูกชายกระทิงแดง หลังเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน เผยแพร่เอกสารลับ มท.1 ไฟเขียวอนุมัติใช้ที่ดินขยายโรงงาน  พบคนสกุลอยู่วิทยาถือหุ้นพรึบ! โชว์รายได้ 39 ล้าน แจ้งตัวเลขอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 248 ล้าน 

จากกรณี เพจ ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ได้เผยแพร่เอกสารข้อมูล เกี่ยวกับกรณี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงนามในคำสั่งอนุมัติให้ บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ใช้ที่ดินสาธารณะที่ขึ้นทะเบียนเป็นป่าชุมชนเพื่อขยายเขตโรงงาน 

ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา 

www.isranews.or

g ตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้ง 13 มกราคม 2554 ทุนปัจจุบัน 5 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 288 ถนนเอกชัย แขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร 

แจ้งประกอบธุรกิจบริการดูแลและรักษาหลักทรัพย์ ปรากฎชื่อ นายสราวุฒิ อยู่วิทยา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ  นาย จิรวัฒน์ อยู่วิทยา  น.ส. นุชรี อยู่วิทยา  น.ส. สุทธิรัตน์ อยู่วิทยา ร่วมเป็นกรรมการ 

รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 25 เมษายน 2560  นาย สราวุฒิ อยู่วิทยา ถือหุ้นใหญ่สุด  16.6670% มูลค่า  833,350 บาท ส่วนนาย จิรวัฒน์ อยู่วิทยา น.ส. นุชรี อยู่วิทยา น.ส. ปนัดดา อยู่วิทยา น.ส. สุทธิรัตน์ อยู่วิทยา และ น.ส. สุปรียา อยู่วิทยา ถืออยู่คนละ 16.6666% มูลค่าหุ้นที่ถืออยู่คนละ 833,330 บาท 

นำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ ณ 31 ธันวาคม 2559 แจ้งว่า มีรายได้รวม 39,915,286.25 บาท รวมรายจ่าย 12,618,108.98 บาท กำไรสุทธิ 17,807,347.55 บาท

สินทรัพย์แจ้งว่า  มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 22,911,728.83 บาท ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น 3,958,440.72 บาท  มีอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 248,616,942.54 บาท ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ - สุทธิ 428,938.53 บาท  รวมสินทรัพย์ 278,490,207.02 บาท  

มี เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่น 16,369,196.68 บาท ส่วนของหนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี 12,840,000 บาท ภาษีเงินได้ค้างจ่าย 2,360,883.99 บาท เงินกู้ยืมระยะยาว 162,780,000 บาท รวมหนี้สิน 194,370,565.36 บาท 

ทั้งนี้ นาย สราวุฒิ อยู่วิทยา เป็นลูกของนายเฉลียว อยู่วิทยา นักธุรกิจชาวไทยเจ้าของบริษัทเครื่องดื่มชูกำลัง กระทิงแดง กับภรรยาคนที่สอง มีตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจกระทิงแดง ถูกระบุว่า เป็นบุคคลที่มีบทบาทมากที่สุดในการบริหารงานของเครื่องดื่มกระทิงแดงในปัจจุบัน 

ภายใต้ช่องกฎหมายเดียวกัน!!!   อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมเอกชนใช้ได้ แต่ชาวบ้าน และพระสงฆ์ใช้ไม่ได้???

ขณะที่ เพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ระบุว่า เมื่อ 1 มิถุนายน 2559 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้ลงนามอนุมัติให้ บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (กระทิงแดง) ใช้ “ที่สาธารณะห้วยแม็ก” เนื้อที่ประมาณ 31 ไร่ 2 งาน เป็นที่กักเก็บน้ำสำหรับโรงงานน้ำดื่มและเครื่องดื่ม ตามหนังสือของมหาดไทย ที่ มท 0208.4/886 ของสำนักกฎหมาย สป.

ทั้งนี้ ระเบียบมหาดไทยฉบับเดียวกัน ข้อ 23 (3) กำหนดว่าในแต่ละจังหวัดจะอนุญาตให้ได้ต้องไม่เกิน 10 ไร่ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควร ซึ่งเหตุอันสมควรที่อนุมัติที่ดิน 31 ไร่ ให้เอกชนในครั้งนี้คือป่าชุมชนอยู่กึ่งกลางในเขตพื้นที่โรงงานและบริษัทมีความจำเป็นในการขยายโรงงาน

ที่สาธารณะห้วยแม็กอยู่ในเขตบ้านหนองแต้ หมู่ 6 ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น คณะกรรมการชุมชนได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณะประโชยชน์มาตั้งแต่ปี 2526 ตาม นสล. เลขที่ ขก 2321 และได้มีการอนุรักษ์เป็นป่าชุมชน กำหนดกติกาการใช้ประโยชน์ร่วมกัน

ทั้งนี้ บริษัทได้เข้าไปซื้อที่ดินบริเวณโดยรอบป่าชุมชุนตั้งแต่ช่วงปี 2555 และขอใช้ที่ดินเพื่อขยายโรงงานช่วงปี 2558 ซึ่งเรื่องคาราคาซังเรื่อยมา โดยถูกคัดค้านจากสภาองค์กรชุมชนตำบลบ้านดงมาตลอด ก่อนที่ มท.1 จะอนุมัติให้ใช้ “ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน” แปลงดังกล่าวเพื่อกิจการของเอกชน(https://web.facebook.com/Watchdog.ACT/)

ล่าสุดทาง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้แต่อย่างใด 


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

https://specialcasestudy.blogspot.com/2017/09/blog-post_18.html?m=1

แชร์