ดวงดาวในจักรวาลมีผลต่อชีวิตมนุษย์ (2)
ตอนต่อจากคราวที่แล้ว “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” ตอนนี้มีข้อมูลที่ติดค้างกันไว้และแนะวิธีรับพลังจากจักรวาลแบบง่าย ๆ ลองดูว่าจะเกิดปฏิกิริยามหัศจรรย์กับร่างกายอย่างไร ... http://winne.ws/n19592
ถ้าหากอยากจะดู “ดาว” ให้สวยแล้วละก็คงต้องหาโอกาสไปดูกันในช่วง “หน้าหนาว” เพราะเป็นช่วงที่อากาศปลอดโปร่งและท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุด
ยิ่งถ้าเป็นหน้าหนาวบนดอยสูงก็จะยิ่งเห็นดาวเกลื่อนกลาดและพร่างพราวอยู่บนแผ่นฟ้าเต็มไปหมดเนื่องจากไม่มีแสงไฟประดิษฐ์และหมอกควันพิษจากอุตสาหกรรมรวมทั้งไอเสียรถยนต์มาบดบังทัศนียภาพ
เรื่องราวของดวงดาวในจักรวาลกับมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ลี้ลับและยังไม่สามารถหาคำตอบได้อย่างลงตัว อย่างไรก็ตามนักปราชญ์และผู้รู้จำนวนไม่น้อยก็เชื่อว่าดวงดาวนั้นมิอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์อย่างแน่นอน
คราวที่แล้ว อาจารย์ศุภชัยจารุสมบูรณ์ได้อธิบายเรื่องเดือนเกิดและความเจ็บไข้ได้ป่วยไปบ้างแล้วบางส่วนแต่ก็ยังไม่จุใจบางคนที่มีวันเกิดและเดือนเกิดไม่ตรงกับที่ยกตัวอย่างให้ฟังคราวนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมาไขปริศนากันต่อ
อาจารย์ศุภชัยยกตัวอย่างของคนเกิดเดือนตุลาคมว่าคนที่เกิดเดือนนี้จะมีปัญหาในเรื่องของกระเพาะปัสสาวะ ดังนั้น จึงไม่สมควรที่จะอั้นปัสสาวะเวลาเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เช่นแล้วจะทำให้เกิดปัญหาได้
อย่างไรก็ตามมีเกร็ดนิดหนึ่งเกี่ยวกับน้ำที่อยากจะนำมาฝากแถมกันสักนิดเพราะว่าน้ำในแต่ละแห่งหนตำบลหนึ่งก็มีคุณภาพที่ไม่เหมือนกัน
อย่างเช่นที่ “จังหวัดภูเก็ต” คนส่วนใหญ่จะมีปัญหาอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือนิ่วอันเกิดจากน้ำบาดาลที่มีตะกอนเยอะ เรื่องที่สองโคเลสเตอรอลเพราะรับประทานอาหารทะเลเยอะ ด้วยเหตุนี้คนภูเก็ตจึงต้องระมัดเรื่องน้ำและอาหารการกินให้มาก
กลับมาทีเรื่องเดือนเกิดกับโรคภัยไข้เจ็บกันต่อดีกว่า
เดือนมกราคมอวัยวะที่ต้องดูแลก็คือ ถุงน้ำดี
เดือนมีนาคม ได้แก่ ตับ
เมษายนอยู่ที่ปอด
พฤษภาคมเป็นลำไส้ใหญ่
มิถุนายนคือกระเพาะอาหาร
กรกฎาคมคือม้าม
สิงหาคมคือหัวใจ
กันยายนคือลำไส้เล็ก
ตุลาคมคือกระเพาะปัสสาวะ
พฤศจิกายนคือไต
และธันวาคมคือเยื่อหุ้มหัวใจ
ทีนี้ในแต่ละปีนั้นจะมีช่วงเวลาที่พิเศษในการรับพลังจากจักรวาลหรือปีอธิกสุรทินมายกเครื่องร่างกายได้ที่ทรุดโทรมหรือสึกหรอได้ เพราะดวงดาวอยู่ในตำแหน่งพิเศษ ซึ่ง 4ปี มีครั้งเดียวคือวันที่ 29 กุมภาพันธ์
อาจารย์ศุภชัยบอกว่า วิธีการรับพลังง่ายๆ ก็คือ นั่งสบายๆ หลังตรงเท้าวางแนบกับพื้นแล้วกางออกเล็กน้อย จากนั้นยกข้อศอกขึ้นมา ฝ่ามือขนานกับพื้น แล้วค่อยๆใช้นิ้วโป้งเป็นประธาน โดยในท่าแรกให้นิ้วชี้และและนิ้วโป้งติดกันนิ้วอื่นชี้ตรงธรรมดา ไม่ต้องเกร็ง ทำอย่างนี้ประมาณ 5 วินาที
จากนั้นให้เอานิ้วโป้งกับนิ้วกลางมาติดกันเสร็จแล้วเปลี่ยนจากนิ้วโป้งกับนิ้วนางเป็นนิ้วโป้งกับนิ้วก้อย
แล้วก็เป็นนิ้วโป้งกับนิ้วกลาง คือไล่ตั้งแต่นิ้วชี้ นิ้วนางนิ้วก้อยและนิ้วกลาง ทำท่าละประมาณ 5 วินาที จะทำให้สามารถเริ่มสัมผัสถึงพลังแม่เหล็กที่วิ่งไปวิ่งมาที่ปลายนิ้ว
โดยทำควบคู่กันกับการสวดมนตราชินบัญชรคือ ชินนะ บัน ชะ ระ มัง รัก ขะ ตุ สับ พะ คา และเมื่อทำครบ 36 รอบก็จะเกิดปฏิกิริยามหัศจรรย์ขึ้นในร่างกาย
อาจารย์ศุภชัยบอกว่า จริงๆแล้วนอกปีอธิกสุรทินก็ทำได้ แต่ต้องเน้นไปที่การสวดมนต์กำกับด้วย ส่วนใครสงสัย หรืออยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ ก็สามารถโทรศัพท์ไปสอบถามเพิ่มเติมกันได้ที่อโรคยาสถานโทร.0-2391-6778
ขอขอบคุณ : Uncle Fat & ผู้จัดการการออนไลน์ - ผู้จัดการสุขภาพ
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9470000000430