ศูนย์การเรียนรู้อาหารไทย สถาบันอาหาร และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แถลงสถานการณ์การส่งออกอาหารไทย ช่วง 9 เดือนแรกปี 2560 (ม.ค. – ก.ย.) พบว่า มีปริมาณ 25.26 ล้านตัน มูลค่า 768,797 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 และร้อยละ 9.4 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีความต้องการสินค้าในตลาดโลกเพิ่มขึ้น หลังเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ขณะที่เศรษฐกิจและการค้าในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกา ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น 

          ตลาดที่เติบโตสูงสุด คือ ตะวันออกกลาง เติบโตถึงร้อยละ 25.2  จีนร้อยละ 22.2 กลุ่มประเทศ CLMV ร้อยละ 19.9 และแอฟริกา ร้อยละ 17.1  ญี่ปุ่นร้อยละ 13.5 สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 10.6 และสหภาพยุโรป ร้อยละ 6.0 เป็นต้น 

          กลุ่มสินค้าหลักที่ส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า ได้แก่ ข้าว ไก่ กุ้ง เครื่องปรุงรส ผลิตภัณฑ์มะพร้าว และอาหารพร้อมรับประทาน ส่วนน้ำตาลทราย แม้ปริมาณส่งออกจะลดลงแต่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูงในครึ่งปีแรก

          เช่นเดียวกับ ปลาทูน่ากระป๋อง หลังจากผู้ผลิตปรับราคาจำหน่ายสูงขึ้นให้สอดคล้องกับต้นทุนวัตถุดิบทูน่าที่เพิ่มขึ้นเกือบ 100% จากปีก่อน และผลิตภัณฑ์สับปะรด (กระป๋องและน้ำสับปะรด) เพิ่มขึ้นในเชิงปริมาณ หลังมีความต้องการจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่องภายใต้ภาวะที่ผลิตภัณฑ์สับปะรดมีราคาอ่อนตัวลงมากตามราคาวัตถุดิบสับปะรดโรงงาน

          ส่วนสินค้าที่ส่งออกหดตัวลงทั้งปริมาณและมูลค่า มี 2 กลุ่มสินค้า คือ แป้งมันสำปะหลังดิบ และน้ำผลไม้ (ไม่รวมน้ำสับปะรด) โดยการส่งออกแป้งมันสำปะหลังดิบไปตลาดหลักอย่างจีน ต้องเผชิญการแข่งขันรุนแรงจากผู้ส่งออกเวียดนามที่ใช้ข้อได้เปรียบจากการส่งสินค้าผ่านชายแดนทำให้ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 13 และตลาดอินโดนีเซีย ก็หดตัวมากเช่นกัน เพราะผลผลิตในประเทศมีปริมาณมากขึ้น  

          ขณะที่น้ำผลไม้ ส่งออกลดลง เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ปรับปรุงระบบการผลิตน้ำมะพร้าวให้สอดรับกับมาตรฐานใหม่ที่ประกาศใช้โดย European Fruit Juice Association (AIJN) ฉุดกำลังการผลิตลดลงในช่วงสั้น คาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติช่วงปลายปี 2560 หรือต้นปี 2561 

          นายยงวุฒิ  เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ประเมินว่า ภาพรวมการส่งออกอาหารไทย ในปี 2560 น่าจะมีมูลค่า 1.03 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4  โดยไตรมาสสุดท้ายยังเติบโตต่อเนื่อง ตามแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้า ต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ปริมาณผลผลิตสินค้าเกษตรในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการส่งออกไก่ยังได้รับอานิสงส์จากการระบาดของโรคไข้หวัดนกในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และปัญหาความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยเนื้อสัตว์ของบราซิล

          ประกอบกับความต้องการสินค้าอาหารที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับเทศกาลเฉลิมฉลองในช่วงปลายปี จะมีส่วนกระตุ้นให้การส่งออกอาหารไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายขยายตัวต่อเนื่อง 

          สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารไทย ในปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.7 มีมูลค่าส่งออก 1.12 ล้านล้านบาท  มีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ อาเซียน สัดส่วนส่งออกประมาณร้อยละ 30 ญี่ปุ่นร้อยละ 14 สหรัฐฯ ร้อยละ 10  จีนและแอฟริกามีสัดส่วนเท่ากันที่ร้อยละ 9 เป็นต้น 

โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ 

1) เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินอัตราขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2561 จะขยายตัวเพิ่มเป็นร้อยละ 3.7 จากร้อยละ 3.6 ในปี 2560

2) ผลผลิตสินค้าเกษตรไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ได้แก่ ข้าว อ้อยโรงงาน สับปะรดโรงงาน กุ้ง ไก่ ส่วนมันสำปะหลังและ
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีแนวโน้มลดลง

3) ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มลดลงตามราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ จะส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมปศุสัตว์ของไทย โดยเฉพาะราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์สำคัญ 3 รายการ ได้แก่ ข้าวโพด กากถั่วเหลือง และปลาป่น 

4) ราคาสินค้าส่งออกหลักของไทยอยู่ในกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นในตลาดโลกหลายรายการ รวมถึง ข้าว ไก่ และกุ้ง 

5) ราคาพลังงานอยู่ในระดับต่ำไม่กระทบต้นทุนสินค้า ในภาคการผลิตอุตสาหกรรมอาหารตลอดจนภาคการขนส่งมากนัก

ขอขอบคุณภาพและแหล่งข่าวจาก https://news.voicetv.co.th

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://news.voicetv.co.th/business/532480.html