ชัยชนะครั้งที่ 2 พระพุทธองค์ทรงเอาชนะยักษ์

บทสรรเสริญพุทธคุณใน พุทธชัยมงคลคาถา บทที่2 หมายความว่า "พระจอมมุนีได้ชัยชนะต่ออาฬวกยักษ์ ผู้มีจิตสันดานหยาบกระด้าง มีฤทธิ์มาก ได้เข้ามาต่อสู้จนตลอดทั้งคืน ด้วยวิธีทรมานอย่างดี คือขันติธรรมด้วยเดชแห่งชัยชนะนั้น ขอจงมีแก่ท่านเถิด" http://winne.ws/n2198

1.4 พัน ผู้เข้าชม
ชัยชนะครั้งที่ 2 พระพุทธองค์ทรงเอาชนะยักษ์

         เรื่องก็มีอยู่ว่า ในสมัยพุทธกาล พระราชาเมืองอาฬวี ถูกยักษ์จับ แต่พระองค์ทรงให้สัญญากับยักษ์ว่า ถ้าปล่อยตัวไป จะส่งคนมาให้ยักษ์กินเป็นอาหารทุกวัน

         หลังจากนั้น พระองค์ก็ทรงรับสั่งให้ส่งนักโทษ ไปให้ยักษ์กินทุกวัน จนเรือนจำหมดนักโทษ พระราชาให้ส่งเด็กทารกเกิดใหม่ส่งไปให้ยักษ์กิน ทำให้หญิงที่ใกล้จะคลอดลูก ต้องหลบหนีไปคลอดที่อื่น เหลือแต่อาฬวกุมารเพียงพระองค์เดียว ถึงกระนั้น พระองค์ก็ตัดสินพระทัยให้นำพระกุมารลูกของพระองค์ไปให้ยักษ์กิน

          พระบรมศาสดาซึ่งประทับอยู่ที่วัดพระเชตวันวิหาร ตรวจดูสัตว์โลกในเวลาใกล้รุ่งด้วยพุทธจักขุ พระพุทธองค์ก็รู้ว่ายักษ์จะได้บรรลุพระโสดาบัน พระองค์จึงเสด็จออกไปยังที่อยู่ของยักษ์ เป็นระยะทางไกลถึง 300 โยชน์ พระองค์เสด็จเข้าไปประทับยืนอยู่ประตูวิมานของยักษ์ เพราะว่ายักษ์ไปประชุมที่สมาคมยักษ์

         เมื่อยักษ์กลับมาเห็นพระพุทธเจ้าก็โกรธมาก ลุกขึ้นยืนบนพื้นมโนศิลาด้วยเท้าซ้าย เท้าขวาเหยียบยอดเขาไกรลาส โดยตั้งใจใช้ลมพายุทำลายพระพุทธเจ้า แต่ก็ทำไม่ได้แม้ลมจะแรงมากปานใดก็ตาม

         ต่อมายักษ์ก็ใช้ห่าฝนเพื่อทำลายพระพุทธเจ้าอีก เพื่อให้น้ำท่วมพระพุทธองค์ให้ตาย แม้ฝนจะแรงมากขนาดทำให้แผ่นดินแตกเป็นช่อง แต่ก็ไม่ทำให้จีวรพระองค์เปียกได้

        อาฬวกยักษ์เนรมิตฝนแผ่นหิน ฝนเครื่องประหาร ฝนถ่านเพลิง ฝนขี้เถ้า ฝนทราย ฝนเปือกตม แต่ฝนเหล่ากลับกลายเป็นดอกไม้ทิพย์ บูชาพระพุทธเจ้า

        ผ่านไปครึ่งคืนแล้ว ยักษ์ก็เหาะขึ้นไปแล้วปล่อยอาวุธอันร้ายกาจหวังทำร้ายอีกแต่อาวุธก็กลายเป็นผ้าเช็ดเท้า 

         ต่อมาก็แกล้งขับไล่พระพุทธองค์หวังให้พระองค์โกรธ แต่พระองค์ก็ไม่โกรธลุกออกไปโดยดี ทำให้ยักษ์อ่อนโยนลงเพราะคิดว่า สมณะนี้ช่างว่าง่ายจริง ๆ ยักษ์แกล้วให้พระพุทธองค์เสด็จเข้าออกอย่างนี้ถึง 3 ครั้ง      

ชัยชนะครั้งที่ 2 พระพุทธองค์ทรงเอาชนะยักษ์

          ต่อมายักษ์ก็ตั้งคำถาม ถามพระองค์ถึง 8 ข้อ โดยสรุปดังนี้ "อะไรหนอ เป็นเครื่องปลื้มใจอันประเสริฐของคนในโลก อะไรหนอที่บุคคลประพฤติดีแล้ว นำสุขมาให้ อะไรหนอเป็นรสอันล้ำเลิศกว่ารสทั้งหลาย การมีชีวิตที่ประเสริฐสุดเป็นอย่างไร"

         พระพุทธองค์ทรงตอบว่า "ศรัทธาเป็นทรัพย์อันประเสริฐของคนในโลกนี้ ธรรมอันบุคคลประพฤติดีแล้วนำสุขมาให้ ความสัตย์เป็นรสอันล้ำเลิศ การมีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาเป็นชีวิตอันประเสริฐสุด"

          อาฬวกยักษ์ ถามต่อว่า "คนข้ามโอฆะได้อย่างไร ข้ามอรรณพได้อย่างไร ล่วงทุกข์ได้อย่างไร บริสุทธิ์ได้อย่างไร"

         พระพุทธองค์ตอบว่า "บุคคลข้ามโอฆะได้ด้วยศรัทธา ข้ามอรรณพได้ด้วยความไม่ประมาท ล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร บริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา"

         อาฬวกยักษ์ได้ถามคำถามที่ลุ่มลึกขึ้นไปอีก แล้วก็เพิ่มศรัทธาในพระพุทธเจ้ามากขึ้น ในที่สุดก็บรรลุเป็นพระโสดาบัน เป็นผู้มั่นคงต่อหนทางพระนิพพาน กลายเป็นยักษ์ใจดี สำรวมระวังในศีล ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต

         จะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์จะสั่งสอนบุคคลใดให้เกิดความเลื่อมใส ต้องยอมลงมือปฏิบัติธรรม ต้องใช้กุศโลบายต่าง ๆ อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ ให้เห็นถึงฤทธานุภาพ หรืออาเทสนาปาฏิหาริย์ดังใจผู้ฟัง หรืออนุสาสนีปาฏิหาริย์ แสดงธรรมอย่างพอเหมาะพอดีตามจริตของผู้ฟัง และพระพุทธองค์ยังยอมเสียสละ หากรู้ว่าใครจะเข้าถึงธรรมก็จะยอมเสด็จไปโปรด แม้จะไกลหรือใช้เวลานานเท่าใดก็ตาม

          ตลอดพระชนม์ชีพของพระพุทธเจ้า ไม่เคยที่จะอยู่เพื่อการพ่ายแพ้ แต่ทุกเวลานาที เต็มไปด้วยการโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งทุกข์ เข้าสู่พระนิพพาน

อ้างอิง ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับ ศาสดาเอกของโลก

ขอบคุณภาพจาก www.google.com

แชร์