หมอเทวดา ผู้รักษามะเร็งรอด - ตอนที่ 3 : ค้นพบสมุนไพรรักษามะเร็งรอด !!!

ด้วยความที่หมอสมหมายเป็นนักสะสมปุ่มไม้ จึงขับรถเที่ยวไปเพื่อเสาะหาปุ่มไม้ชนิดต่างๆ จนไปถึงอำเภอวิเชียรบุรี ได้พบกับชายผู้หนึ่งเจ้าของปุ่มไม้ป่วยและคงเสียชีวิตแน่ ๆ แต่เวลาผ่านไป 8 เดือน ชายผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ แถมแข็งแรงขึ้นมาก http://winne.ws/n23431

1.3 พัน ผู้เข้าชม
หมอเทวดา ผู้รักษามะเร็งรอด - ตอนที่ 3 : ค้นพบสมุนไพรรักษามะเร็งรอด !!!

ขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิงห์บุรี หมอสมหมายก็เริ่มเสาะหายาสมุนไพรที่จะช่วยในการรักษาโรคมะเร็งได้ ในขณะนั้นคนกำลังฮือฮาเรื่องทองพันชั่งรักษามะเร็งกันมาก เมื่อมีคนไข้เป็นมะเร็งมา ท่านจึงทดลองใช้ทองพันชั่งต้มให้คนไข้กินอยู่หลายคน  แต่ก็ปรากฏว่าไม่ได้ผลแต่อย่างใด

จนกระทั่งวันหนึ่ง ด้วยความที่หมอสมหมายเป็นนักสะสมปุ่มไม้ ท่านจึงขับรถเที่ยวไปเรื่อยๆ เพื่อเสาะหาปุ่มไม้ชนิดต่างๆ จนไปถึงอำเภอวิเชียรบุรี ได้พบกับชายผู้หนึ่งที่มีปุ่มไม้ใหญ่สะสมไว้ ตั้งใจจะเข้าไปขอดูกลับพบเจ้าของปุ่มไม้ป่วยอยู่ มีอาการ เหนื่อยหอบ ชายผู้นั้นเล่าว่าเขาเป็นมะเร็งปอด แพทย์ที่ลพบุรีจะส่งตัวไปรักษาที่ศิริราชแต่เขาไม่ไป เพราะที่ใกล้ๆ นี้มีหมอแผนโบราณใช้สมุนไพรรักษามะเร็งหายได้

คุยกับสักครู่ หมอสมหมายก็ลากลับและลืมไปไม่ได้นึกถึงคนไข้เจ้าของปุ่มไม้รายนี้อีก จนผ่านไป 8 เดือนจึงนึกถึงปุ่มไม้ขึ้นได้และตั้งใจกลับไปที่อำเภอวิเชียรบุรีอีกครั้งเพื่อขอซื้อปุ่มไม้  แต่ก็คิดว่าคงต้องถามซื้อจากภรรยาเอา เพราะเจ้าของปุ่มไม้คงเสียชีวิตแล้ว เมื่อไปถึงกลับพบว่าชายผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ แถมแข็งแรงขึ้นมาก เดินเหินได้คล่องเสียด้วย

จากเหตุการณ์นี้ก็ยังไม่ทำให้หมอสมหมายสนใจหมอแผนโบราณที่เจ้าของปุ่มไม้เล่าให้ฟัง แต่กลับคิดเอาว่าคนไข้ไม่น่าจะเป็นมะเร็งปอด แพทย์คงวินิจฉัยผิดและไม่ได้สนใจยาสมุนไพรตำรับนี้อีกเช่นเคย

หมอเทวดา ผู้รักษามะเร็งรอด - ตอนที่ 3 : ค้นพบสมุนไพรรักษามะเร็งรอด !!!

เวลาผ่านไปถึง 4 ปี จนในปีพ.ศ. 2512  มีพ่อค้าชาวสิงห์บุรีคนหนึ่งรู้จักคุ้นเคยกันดีป่วย หมอสมหมายเดินทางไปเยี่ยมก็พบว่าเขาเป็นมะเร็งที่ลิ้นและเป็นมากแล้ว ร่างกายผอมมาก ที่ลิ้นมีแผลขนาดใหญ่ มีเลือดซึมตลอดเวลาและมีกลิ่นเหม็น ผู้ป่วยเล่าว่ารักษาด้วยด้วยฉายแสงที่โรงพยาบาลในกรุงเทพแล้วอาอาการก็ไม่ดีขึ้นเลย แพทย์บอกว่ารักษาไม่ได้ ทำได้เพียงให้ยาบรรเทาปวดเท่านั้น

พอได้ฟังอย่างนี้ หมอสมหมายก็นึกถึงเจ้าของปุ่มไม้และยาสมุนไพรต้มขึ้นมาทันที จึงรีบเดินทางไปอำเภอวิเชียรบุรีเพื่อขอสมุนไพรมาทดลองต้มให้ผู้ป่วยดื่ม ผลปรากฏว่ายา 4 หม้อแรกที่ผู้ป่วยรับประทานเป็นเวลา 2 เดือนนั้น ทำให้อาการดีขึ้นเรื่อยๆ แผลค่อยๆ ยุบลง กลิ่นเริ่มลดลง น้ำหนักตัวขึ้น อาการปวดดีขึ้น และผู้ป่วยเริ่มพูดได้

เห็นผลชัดเจนแล้ว หมอสมหมายจึงไปขอสมุนไพรมาอีก 2 ชุด ทานได้อีก 4 เดือน แผลที่ลิ้นของผู้ป่วยก็เกือบหายเป็นปกติ สามารถทำงาน ไปไหนมาไหนได้เหมือนคนปกติทุกอย่าง หมอสมหมายจึงแนะนำว่าให้ไปผ่าตัดก้อนที่คางและลิ้นออก เพื่อไม่ให้มะเร็งลามขึ้นมาอีก หรือไม่ให้แตกเอง เพราะอาจเป็นอันตรายได้ แต่ครั้งนี้ผู้ป่วยไม่ยอม ในที่สุดผู้ป่วยจึงเสียชีวิตจากการที่ก้อนที่คางนั้นแตกออกจนเสียเลือดมากนั่นเอง


ขอขอบคุณ : ดิ อโรคยา

แชร์