ลู่วิ่งของชีวิต

...ในที่สุด เราก็วิ่งมาทันเขา แล้วก็แซงเขาไป เรารู้สึกเชิดนิดๆ เราเอาชนะเขาได้แล้ว เรารู้ตัวว่าเราเหนื่อยกว่าทุกวัน จนหายใจแทบไม่ทัน.... http://winne.ws/n25319

5.9 พัน ผู้เข้าชม

“ลู่วิ่งของชีวิต”

วันนี้เราวิ่งออกกำลังกายแต่เช้าเหมือนเช่นทุกวัน วิ่งไปสักพัก สังเกตคนที่วิ่งอยู่ข้างหน้าเรา ห่างกันประมาณสักสองสามร้อยเมตร มองๆดูเขาน่าจะวิ่งช้ากว่าเราอยู่หน่อยนึง เราน่าจะวิ่งได้เร็วกว่าเขา น่าจะวิ่งแซงเขาได้

เราเริ่มเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
ค่อยๆเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ระยะห่างค่อยๆใกล้เข้าไปทุกที

เวลาค่อยๆผ่านไป 
เราอยู่ห่างเขาไม่ไกลนัก
เรากำลังจะแซงเขา 
เราเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก
ยังไงเราก็แซงเขาได้แน่นอน

ในที่สุด เราก็วิ่งมาทันเขา แล้วก็แซงเขาไป
เรารู้สึกเชิดนิดๆ เราเอาชนะเขาได้แล้ว
เรารู้ตัวว่าเราเหนื่อยกว่าทุกวัน จนหายใจแทบไม่ทัน

แน่นอนที่สุด เขาไม่มีทางรู้หรอกว่า เรากำลังแข่งกับเขา
สังเกตเห็นเขายังวิ่งไปข้างหน้าอย่างสบายๆ ไม่ทุกข์ไม่ร้อน

ลู่วิ่งของชีวิต

พอวิ่งแซงเขาเรียบร้อย เราเพิ่งจะรู้สึกตัวว่า เรามัวสนใจแต่เรื่องจะทำยังไงให้ชนะเขาให้ได้

มันทำให้เราลืมเลี้ยวสู่เส้นทางกลับบ้านเราเอง

มันทำให้เราหาความสงบในใจไม่ได้เลยตลอดเส้นทางวิ่งในวันนี้

มันทำให้เราพลาดโอกาสชื่นชมบรรยากาศของธรรมชาติสองข้างทาง

มันทำให้เราไม่มีสมาธิที่สงบนิ่งดั่งที่เคยทำอยู่ทุกๆวัน

มันทำให้เราสะดุดขาตัวเราเองจนเกือบหกล้มหัวทิ่ม

มันคงคล้ายคลึงกับตอนเราต้องการแข่งกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนฝูง เพื่อนบ้าน แม้กระทั่งพี่น้อง
เพียงต้องการพิสูจน์ว่าเราไม่ได้ด้อยกว่าพวกเขา
เรามีดีไม่แพ้พวกเขา
แต่หารู้ไม่ว่า เรากำลังละทิ้งความสงบสุขรอบๆตัวเรา

เรามัวแต่เสียเวลา ทุ่มเทพละกำลัง 
เพียงเพื่อจะวิ่งให้ทันพวกเขา แล้วชนะพวกเขาให้ได้
จนกระทั่งลืมจุดหมายปลายทางที่แท้จริงของเรา

ลู่วิ่งของชีวิต

ในชีวิตจริง ย่อมมีบางคนที่อยู่เหนือเรา
อาจมีหน้าที่การงานที่ดีกว่า ฐานะที่เลิศกว่า ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกว่า
อาจมีรูปลักษณ์ที่ดูดีกว่าเรา 
มีสติปัญญาเหนือกว่าเรา
ถามใจตัวเราเองว่า เรากำลังอิจฉาพวกเขาหรือเปล่า
จนทำให้หัวใจเราเต็มไปด้วยความริษยา

แต่มีความจริงข้อหนึ่งที่เราอาจมองข้ามไป
เราอาจจะอยู่ในฐานะที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้วในรูปแบบของเรา
เพียงแค่เราไม่ต้องไปคิดเปรียบเทียบหรือแข่งกับคนอื่นโดยใช่เหตุ

จงเป็นตัวตนของเราให้มากที่สุด
บางสิ่งแก้ไขไม่ได้ เพราะธรรมชาติให้มาแบบนั้น
ก็จงอยู่กับมันอย่างมีความสุข
บางสิ่งแก้ไขได้ ก็จะพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ ไม่ต้องคิดไปแข่งกับคนอื่น
ไม่ต้องไปทุกข์ร้อนเกินเหตุ
จงอยู่อย่างมีความสุข เรื่องนี้สำคัญที่สุด

ไม่มีการแข่งขันในชะตากรรม
ทุกคนย่อมมีเส้นทางของมันเอง

เส้นทางชีวิต
จงวิ่งอยู่บนลู่วิ่งของเราเอง
จะเร็วจะช้าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
แค่วิ่งให้ดีที่สุดเท่าที่พละกำลังและสติปัญญาเราจะทำได้ก็เพียงพอแล้ว
แล้วมันจะนำพาเราสู่ชีวิตที่สงบสุขในแบบฉบับของเราเอง

มุ่งไปข้างหน้าด้วยความมานะ
บนลู่วิ่งของเราเอง
จะวิ่งด้วยใจที่เป็นทุกข์หรือสุข
เราจะเป็นผู้กำหนดเอง


“ขจรศักดิ์" 
แปลและเรียบเรียง
www.facebook.com/Flintlibrary

แชร์