ยกของจริงมาให้ดู! นิวซีแลนด์เปิดนิทรรศการ “ทหารจิ๋นซีฮ่องเต้” ผู้พิทักษ์ความอมตะ

       พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินิวซีแลนด์เปิดนิทรรศการกองทัพทหารดินเผา : ผู้พิทักษ์ความอมตะ (Terracotta Warriors: Guardians of Immortality) เมื่อวันพฤหัสบดี (13 ธ.ค.) ที่ผ่านมา

นิทรรศการฯ จัดแสดงรูปปั้นทหารความสูง 180 เซนติเมตร จำนวน 8 นาย และรูปปั้นม้าขนาดเท่าของจริง จำนวน 2 ตัว ซึ่งล้วนขนย้ายมาจากสุสานจักรพรรดิจิ๋นซีในมณฑลส่านซีของจีน

นอกจากนั้นยังจัดแสดงเกวียนรถม้าทำจากสัมฤทธิ์ ขนาดครึ่งหนึ่งจากของจริง จำนวน 2 เล่ม รวมถึงผลงานศิลปะจีนโบราณทำจากทองคำ หยก และสัมฤทธิ์ มากกว่า 160 ชิ้นอีกด้วย

“กองทัพทหารดินเผาสะท้อนจุดเหนือสุดของศิลปะและอารยธรรมจีนโบราณ นับเป็นหนึ่งในแปดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก” อู๋ ซี เอกอัครราชทูตจีนประจำนิวซีแลนด์กล่าวขณะร่วมพิธีเปิดนิทรรศการฯ

       “กองทัพทหารดินเผาสะท้อนจุดเหนือสุดของศิลปะและอารยธรรมจีนโบราณ นับเป็นหนึ่งในแปดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก” อู๋ ซี เอกอัครราชทูตจีนประจำนิวซีแลนด์กล่าวขณะร่วมพิธีเปิดนิทรรศการฯ

       อู๋ซี ระบุว่านิทรรศการฯ จะช่วยนำพาอารยธรรมจีนโบราณพบกับอารยธรรมใหม่ในนิวซีแลนด์ ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน-ประชาชนระหว่างจีนและนิวซีแลนด์ในปีนี้

“จีนและนิวซีแลนด์ต่างได้เปรียบโดยเปรียบเทียบจนอาจกล่าวได้ว่าอนาคตความสัมพันธ์จีน-นิวซีแลนด์จะยังคงแข็งแรงด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจจีนและแผนริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (BRI) ของจีน”

“เราหวังว่าจีนและนิวซีแลนด์จะเดินหน้าขยับขยายความเข้าใจและความไว้วางใจร่วมกันผ่านการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ประชาชน-ประชาชน และความร่วมมือเชิงปฏิบัติการ”

ด้านเควิน ดาวิส รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ กล่าวว่าความสัมพันธ์กับจีนเป็นหนึ่งในสายสัมพันธ์ที่สำคัญยิ่งยวดและแผ่อิทธิพลกว้างขวางบนพื้นฐานผลประโยชน์และความเคารพร่วมกัน

“ความสัมพันธ์อันสลักสำคัญนี้เป็นมากกว่าการซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งของ และนิทรรศการฯ ของวันนี้ก็เป็นตัวอย่างยอดเยี่ยมของความร่วมมือในด้านต่างๆ”

“นิทรรศการฯ เป็นหมุดหมายสำคัญของการดำเนินโครงการปีแห่งการท่องเที่ยวจีน-นิวซีแลนด์ (Year of Tourism) ในปี 2019 และจะช่วยกระตุ้นชาวนิวซีแลนด์เดินทางไปท่องเที่ยวจีนมากขึ้น”

อนึ่ง นิทรรศการกองทัพทหารดินเผา : ผู้พิทักษ์ความอมตะ จะเปิดให้สาธารณชนเข้าชมตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2018 จนถึงวันที่ 22 เม.ย. 2019

ขอบคุณข่าว/ภาพ  :  เพจChina Xinhua News