"สยาม" เมืองยิ้ม The land of smile.ในสายตาชาวญี่ปุ่น

ประเทศไทยแดนสยามของเราเป็นที่เลื่องลือในหมู่ชาวต่างชาติว่าเป็น Land of smiles คนญี่ปุ่นเขาก็มีคำเรียกประเทศไทยเราว่า เป็น “ประเทศแห่งรอยยิ้ม” ซึ่งใช้คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นว่า 微笑みの国 [โฮะโฮะเอะมิโนะคุนิ] http://winne.ws/n412

6.0 พัน ผู้เข้าชม
"สยาม" เมืองยิ้ม The land of smile.ในสายตาชาวญี่ปุ่น

สยามเมืองยิ้ม…จำกันได้ไหมครับว่า ประเทศไทยแดนสยามของเราเป็นที่เลื่องลือในหมู่ชาวต่างชาติว่าเป็น Land of smiles คนญี่ปุ่นเขาก็มีคำเรียกประเทศไทยเราว่า เป็น “ประเทศแห่งรอยยิ้ม” ซึ่งใช้คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นว่า 微笑みの国 [โฮะโฮะเอะมิโนะคุนิ] เราจะมาดูที่มาของคำศัพท์นะครับ

จำกันได้ไหมครับว่า ประเทศไทยแดนสยามของเราเป็นที่เลื่องลือในหมู่ชาวต่างชาติว่าเป็น Land of smiles

คนไทยยิ้มง่าย เขาว่าอย่างงั้นกัน แต่บทความนี้จะไม่ได้มาถกเถียงนะครับว่าเป็นอย่างนั้นเพราะอะไร เดี๋ยวจะเครียดไปไม่ทันได้ยิ้มกันเสียก่อน (ว่าไป ผมก็บรรยายสะเครียดเลย)

คนญี่ปุ่นเขาก็มีคำเรียกประเทศไทยเราว่า เป็น “ประเทศแห่งรอยยิ้ม” ซึ่งใช้คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นว่า 微笑みの国 [โฮะโฮะเอะมิโนะคุนิ]

เราจะมาดูที่มาของคำศัพท์นะครับ

微 [บิ]เป็นตัวอักษรคันจิที่มีความหมายว่า “เล็กๆ” “ยิบย่อย”เราจะสังเกตได้ว่า เขาก็ใช้คันจิ 微 [บิ] นี้เช่นกันในคำว่า 微分 [บิบุน] ที่ความหมายว่า “อนุพันธ์” (ไอ้เราที่ว่าจะสังเกตได้นี้มี สักกี่คน?)

คุ้นๆ ไหมว่า “อนุพันธ์” คืออะไร

"สยาม" เมืองยิ้ม The land of smile.ในสายตาชาวญี่ปุ่น

ใครเคยเรียนวิชา Calculus แล้วจะมีการคำนวณที่พวกเราชอบเรียกกันว่า “ดิฟ” ซึ่งมาจากภาษาอังกฤษคำว่า Differentiate ซึ่งการ “ดิฟ” นี้ภาษาไทยเขาเรียกว่า “อนุพันธ์” ครับ

กลับมาที่คำว่า 微分 [บิบุน] กัน

微分 [บิบุน] ก็สามารถแปลตรงๆ ได้ว่า “การแบ่งเป็นส่วนย่อยๆ เล็กๆ”

การ “ดิฟ” หรือ อนุพันธ์ หรือ 微分 [บิบุน] คือการหาความชันหรืออัตราการเปลี่ยนแปลงครับ

ออกทะเลไปไกลถึงอ่าวญี่ปุ่นเลย กลับมาที่คำว่า 微 [บิ] อีกครั้ง

ขอบอกอีกแล้วกันว่า 微 [บิ ]แปลว่า “เล็กๆ” “ยิบย่อย” ครับ

ส่วนตัวคันจิ 笑う [วะระอุ] แปลว่า “หัวเราะ”

"สยาม" เมืองยิ้ม The land of smile.ในสายตาชาวญี่ปุ่น

ซึ่งคนเขาชอบบอกกันว่าคันจิตัว 笑 นี้หน้าตาเหมือนรูปคนยิ้มหัวเราะ ผมว่ามโนดีๆ ก็เห็นเป็นอย่างที่ว่าครับ

เวลาเราเอาคำว่า 微 [บิ] + 笑う[วะระอุ] มารวมกันแล้วมันอ่านว่า 微笑み [โฮะโฮะเอะมิ] ได้อย่างไรผมไม่เจาะลึกนะครับ (ไม่ใช่แก่นแท้ในบทความนี้)

แต่เมื่อเอาคำว่า 微 [บิ] “เล็กน้อย” + 笑う[วะระอุ] “หัวเราะ” ก็ได้ความหมายตรงๆ ว่าหัวเราะแบบเล็กๆ น้อยๆ

หัวเราะแบบเล็กๆ น้อยๆ ก็คือการยิ้ม

หัวเราะแบบ “อนุพันธ์” หรือ หัวเราะแบบการ “ดิฟ” ก็คือการยิ้ม

สาบานได้ว่าคิดแบบนี้มาตลอดนับตั้งแต่รู้จักคำว่า “หัวเราะ” “ยิ้ม” และ “การดิฟ” ในภาษาญี่ปุ่น

ส่วนคันจิตัวสุดท้าย 国 [คุนิ] แปลว่า “ดินแดน” หรือ “ประเทศ”

รวมๆ คันจิสามตัวเข้าด้วยกันได้คำว่า 微笑みの国 [โฮะโฮะเอะมิโนะคุนิ] “ประเทศแห่งรอยยิ้ม”

วันนี้ก็จบไปไม่มีอะไรพิเศษ แค่ผมเพียงอยากพูดถึงคำว่า การยิ้มเกิดจากการ “ดิฟ” ในการหัวเราะ

รอยยิ้มจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเป็นเสียงหัวเราะครับ

ตัดจบเลยแล้วกัน

สุดท้ายแล้ว ขอบอกว่า

“วันนี้คุณยิ้มแล้วหรือยังครับ” ^o^

เล่าโดย : วสุ มารุมุระ

ขอบคุณภาพจาก www.google.com

"สยาม" เมืองยิ้ม The land of smile.ในสายตาชาวญี่ปุ่น
"สยาม" เมืองยิ้ม The land of smile.ในสายตาชาวญี่ปุ่น
แชร์