มารู้จัก 'ศาลคดีทุจริต' กลไกใหม่ 'ปราบโกง'“ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ” "ศาล" ใหม่ป้ายแดงกันเถอะ
ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติเห็นชอบ “ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ....” และพร้อมประกาศใช้เป็นกฎหมาย ด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ 160 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา http://winne.ws/n4682
รู้จัก "ศาล" ใหม่ป้ายแดงกันเถอะ
'ศาลคดีทุจริต' กลไกใหม่ 'ปราบโกง'“ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ” มีขอบเขตอำนาจพิจารณาคดีอะไรบ้าง !?
หลังจากที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติเห็นชอบ “ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ....” และพร้อมประกาศใช้เป็นกฎหมาย ด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ 160 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา
“ชาญณรงค์ ปราณีจิตต์” ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ ประจำสำนักประธานศาลฎีกาในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตฯ บอกเล่าถึงการจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตฯ ว่า ตอนนี้มีกฎหมาย 2 ส่วนที่เกี่ยวข้อง คือ ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลฯ และ ร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตฯ ซึ่งจะต้องรอให้เสร็จออกมาจึงจะดำเนินการจัดตั้ง "ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ" ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลฯ สนช. ลงมติเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียง “ร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ....” ที่ศาลยุติธรรมยกร่างขึ้นมา และคณะกรรมาธิการ ชั้น สนช. กำลังพิจารณาอยู่ คาดว่าร่างจะเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้
“ชาญณรงค์” ยังเล่าว่า ระหว่างยังหาที่ก่อสร้างอาคารใหม่ซึ่งอาจใช้เวลาก่อสร้างอีกนานพอสมควร ศาลยุติธรรมมีแผนสำรอง จะหาสถานที่เช่าอาคาร เป็นที่ทำการศาลอาญาคดีทุจริตฯ โดยขณะนี้ฝ่ายแผนงานและงบประมาณ กำลังทำเรื่องเพื่อของบประมาณเช่าจากรัฐบาลเพื่อดำเนินการให้สามารถเปิดศาลได้ทันภายในเดือน ตุลาคมนี้ แล้วหลังจากก่อสร้างอาคารใหม่เสร็จภายใน 2-3 ปี จึงจะย้ายที่ทำการศาล
“เราก็อยากจะเปิดศาลให้ได้ทันวันที่ 1 ตุลาคมนี้"
แล้ว...“ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ” มีขอบเขตอำนาจพิจารณาคดีอะไรบ้าง
ทั้งนี้ ตามร่างจัดตั้งศาลฯ ที่ สนช.ลงมติผ่านแล้ว บัญญัติไว้ในมาตรา 3 ว่า คดีทุจริตและประพฤติมิชอบ หมายถึง
(1) คดีอาญาที่ฟ้องให้ลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมหรือทุจริตต่อหน้าที่
(2) คดีอาญาที่ฟ้อง ให้ลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลธรรมดาที่กระทำความผิดฐานฟอกเงิน ที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดตาม (1) หรือทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ, กฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือกฎหมายอื่นที่มีวัตถุประสงค์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
(3) คดีอาญาที่ฟ้องให้ลงโทษบุคคลธรรมดาเกี่ยวกับการเรียก รับ หรือให้สินบน หรือการใช้กำลังประทุษร้าย หรือใช้อิทธิพลเพื่อจูงใจหรือข่มขืนใจให้เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการ, ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำใด
(4) คดีอาญาที่ฟ้องให้ลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลธรรมดา ตามกฎหมายที่กำหนดให้เป็นคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
(5) คดีอาญาที่ฟ้อง ให้ลงโทษบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลตาม (1)-(4) ไม่ว่าในฐานะตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน หรือผู้สมคบ
(6) คดีเกี่ยวกับการจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินฯ หรือจงใจยื่นบัญชีและเอกสารด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ
(7) คดีที่ร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะเหตุร่ำรวยผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นปกติ
“ชาญณรงค์” อธิบายให้ฟังง่าย ๆ ว่า คดีที่เข้าสู่การพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตฯ จะเป็นคดีที่ ป.ป.ช., ป.ป.ท. และพนักงานสอบสวน สรุปสำนวนส่งให้อัยการ ยื่นฟ้อง ข้าราชการทุกระดับ และคดีที่มีเอกชนร่วมกระทำผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ
ตามกฎหมายทุจริตและประพฤติมิชอบที่ระบุไว้เป็นความผิดด้วย เช่น เอกชน กับเอกชน ร่วมกันทำผิดฮั้วประกวดราคา หรือความผิดเกี่ยวกับเสนอสินบนของเอกชน หรือการใช้อิทธิพล สั่งการ ครอบงำเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งคดีที่ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะเหตุข้าราชการมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติและทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ส่วนคดีทุจริต และคดีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือหนี้สินอันเป็นเท็จ ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง ยังคงอยู่ในอำนาจศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
“ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จะมีศาลที่อยู่ส่วนกลาง 1 แห่งและภาคถึง 9 แห่ง ทำให้ใช้เวลาไม่นานในการพิจารณาคดีหนึ่งๆ อีกทั้งใช้ระบบไต่สวน ที่พิจารณาคดีติดต่อกันอย่างต่อเนื่องจนเสร็จการพิจารณาคดี รูปแบบศาลอาญาคดีทุจริตฯ ยังมีถึง 3 ชั้นศาล คืออุทธรณ์-ฎีกาได้ แต่ยื่นการฎีกาจะเป็นระบบการขออนุญาตโดยศาลฎีกาตรวจดูว่าเป็นการถ่วงคดี หรือมีเหตุควรยื่นฎีกาหรือไม่"
“ชาญณรงค์” ยังชี้ให้เห็นว่า กฎหมายจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริต ฯ ถือว่า ครบเครื่องที่จะแก้ปัญหาทั้งเรื่องจำเลยหลบหนีคดี เพราะมีบทบัญญัติให้ลงโทษสำหรับจำเลยที่หนีคดี โดยคดีหยุดการนับอายุความระหว่างที่จำเลยหนีคดี และคดีสามารถเดินหน้าสืบพยานในชั้นศาลต่อไปได้ และมีคำพิพากษาโดยไม่ต้องมีตัวจำเลย อีกทั้งหากจำเลยจะอุทธรณ์คดีก็ต้องมายื่นเอง หากหลบหนีก็ถือสละสิทธิ์นั้นไป ศาลชั้นต้นตัดสินไปแล้วว่าอย่างไร ก็เป็นไปตามนั้น
ส่วน “คดีริบทรัพย์” หากไปทำทุจริตแล้วได้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดมา อย่างเช่น สิทธิที่ไม่ใช่เงินทอง แต่เป็นสิทธิประโยชน์ทางธุรกิจ การค้า ที่สามารถตีประโยชน์นั้นเป็นมูลค่าได้ ก็จะตามริบหมด เพราะบางครั้งการทุจริตอาจไม่ได้เป็นเงินอย่างที่เห็นก็ได้ หรือแม้ทรัพย์ที่ได้มาจากการทุจริตหายไปแล้ว ก็จะต้องตีเป็นมูลค่าเงินว่ากี่ล้าน แล้วตามยึดจากทรัพย์สินอื่น
การจัดองค์คณะก็มีความสำคัญ ซึ่งการพิจารณาคดีต้องมีระดับหัวหน้าคณะ ที่ผ่านการเป็นหัวหน้าศาลมาแล้ว อายุงานอย่างน้อย 25 ปี ส่วนลูกคณะ ก็ต้องผ่านการทำคดีมาแล้วอย่างน้อย 10 ปี
“เราตั้งศาลอาญาคดีทุจริตฯ ขึ้นมา ไม่ได้มุ่งแต่จะลงโทษ แต่จะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย”
เป็นคำทิ้งท้ายจากคนของศาลยุติธรรม
แหล่งข่าว คมชัดลึกออนไลน์ 28 มิ.ย.2559