คนไทยส่วนใหญ่ไม่เคยรู้"เพลงสรรเสริญพระบารมี"เก่าแก่ที่สุดในโลกเกิดขึ้นในยุค ?
เพลงสรรเสริญพระบารมีที่ถูกบันทึกเสียงเก่าแก่ที่สุดในโลกนั้นมีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนว่าเป็นบันทึกเสียงในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยบันทึกเสียงแบบบรรเลงดนตรีไทยเดิม โดยคณะนายบุศย์มหินทร์ ห(เจ้าหมื่นไววรนาถ )เมื่อครั้งรอนแรมไปแสดงที่สวนสัตว์ ณ กรุงเบอร์ลิน http://winne.ws/n9243
เพลงสรรเสริญพระบารมีมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานมาก แต่ได้พัฒนามาเรื่อย ๆจนกระทั่งได้บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์เป็นหลักฐาน ความเป็นมาของเพลงสรรเสริยพระบารมีที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
เพลงสรรเสริญพระบารมีบนแผ่นเสียงสยามปาเต๊ะเก่าแก่ที่สุดบนจานเสียง
พลงสรรเสริญพระบารมีบนแผ่นเสียงสยามปาเต๊ะมีการบันทึกเสียงครั้งแรกในสมัยพระพุทธเจ้าหลวง (ประมาณปี พ.ศ. 2450) ผู้ขับร้องคือแม่ปุ่น และ แม่แป้น บรรเลงดนตรีโดยแตรวงกรมทหารราบที่ 3 เป็นการบันทึกเสียงลงแผ่นเสียงปาเต๊ะ ของฝรั่งเศส เป็นแผ่นเสียงชนิด ร่องกลับทาง (Center Start Disc) หมายถึงต้องวางเข็มจากตรงกลางแผ่นและเข็มจะหมุนทวนไปสุดขอบแผ่น บางคนในสมัยนั้นเรียกแผ่นเสียงชนิดนี้ว่า แผ่นกลับซ้าย และเข็มที่ใช้เล่นกับแผ่นเสียงชนิดนี้ต้อง ใช้เข็มเพชรหัวมนเท่านั้น ไม่ใช่เข็มเหล็กปลายแหลม แผ่นเสียงแผ่นนี้มีหมายเลขประจำแผ่นคือ 47037 หน้าตราของแผ่นที่ระบุชื่อเพลงและผู้ขับร้องเป็นแบบชนิด เซาะร่อง-ปาดสี (Engraved Label) สีที่ใช้สำหรับปาด บริษัทปาเต๊ะกำหนดให้ใช้ดินสีเหลืองเป็นสำคัญ (Yellow ochre pigment) เพราะสีเหลืองเป็นสีที่ตัดกับสีดำซึ่งเป็น สีของครั่งจึงทำให้หน้าตราแผ่นเสียงเห็นเด่นชัด
โดยแม่แป้นมีชื่อ จริงว่านางแป้น วัชโรบล (พ.ศ. 2423 2465) การร้องเป็นการร้องส่งแตรวงทหาร คือแตรวงทหารราบที่ 3 (ปัจจุบันคือกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์) ตามหลักฐานการค้นคว้า ผู้ที่บังคับกองแตรวงชุดนี้น่าจะเป็นพระยา วาทิตบรเทศ (ม.ร.ว. ชิต เสนีวงศ์ ณ. อยุธยา) เพราะเป็นผู้ที่บังคับและควบคุมกองแตรวงทหารมหาดเล็กตั้งแต่ปี พ.ศ. 2421 จนกระทั่งถึง พ.ศ. 2476
นายห้างปาเต๊ะ ให้แม่ปุ่นและแม่แป้นร้องเพลงสรรเสริญ ประโยคเกริ่นนำข้างต้นซึ่งเป็นเสียงพูดสำเนียงเหน่อๆ ของแม่ปุ่นแม่แป้น แต่แฝงด้วยพลัง ทำให้รู้สึกได้ถึงสำเนียงและวิญญาณของคนบางกอกในสมัยนั้น นอกจากนี้แล้ว การร้องจะมีการเอื้อนและแบ่งวรรคตอนต่างจากในปัจจุบัน ทั้งยังร้องส่งดนตรีเหมือนเพลงไทยเดิมอีกต่างหาก ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? อย่าลืมว่าแม่ปุ่นและแม่แป้นเป็นนักร้องเสียงเอกสังกัดวังบ้านหม้อ ซึ่งวังบ้านหม้อขณะนั้นเป็นบ้านของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว. หลาน กุญชร) และถูกกำหนดให้เป็นที่ทำการกรมมหรสพในสมัย พระพุทธเจ้าหลวง และเป็นที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ทรงสร้างสรรค์งา นดนตรีมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์
เพลงสรรเสริญบารมีเก่าสุดบนจานเสียง
เพลงสรรเสริญพระบารมีที่ถูกบันทึกเสียงเก่าแก่ที่สุดในโลกนั้นมีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนว่าเป็นการบันทึกเสียงในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยเป็นการบันทึกเสียงแบบบรรเลงดนตรีไทยเดิม โดยคณะนายบุศย์มหินทร์ (Boosra Mahin) หรือเจ้าหมื่นไววรนาถ เมื่อครั้งรอนแรมไปแสดงที่สวนสัตว์ ณ กรุงเบอร์ลิน (Berlin Zoo) ประเทศเยอรมันนี ในปีพ.ศ. 2443 (in year 1900) โดยเป็นการบันทึกเสียงลงกระบอกเสียงเอดิสั นชนิดไขขี้ผึ้งสีน้ำตาลอ่อนหรือที่เรียกว่ า Edison brown blank wax cylinder (แบบเดียวกับที่ชมในคลิป) และบันทึกเสียงโดย Dr. Carl Stumpf ซึ่งเป็นผู้เชียวชาญการศึกษาเรื่องของเสียงและการบันทึกเสียงในประเทศเยอรมันนี
เพลงสรรเสริญพระบารมีที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
คลิปนี้เป็นเพลงสรรเสริญพระบารมีที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
เพลงสรรเสริญพระบารมี เป็นบทเพลงซึ่งบรรเลงเพื่อสรรเสริญพระบารมีแห่งพระมหากษัตริย์ เดิมทีเพลงสรรเสริญพระบารมีใช้เป็นเพลงประจำชาติของไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2431 - 2475 นับเป็นเพลงชาติไทยฉบับที่ 3 ของไทย ทำนองโดย ปโยตร์ ชูรอฟสกี้ (Pyotr Schurovsky) นักประพันธ์เพลงชาวรัสเซีย (บ้างก็ว่าเป็นครูเพลงชาวฮอลันดาชื่อ เฮวุดเซน) ประพันธ์เมื่อ พ.ศ. 2431 คำร้องเป็นพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ซึ่งนิพนธ์ขึ้นเพื่อใช้ในพระราชพิธีลงสรงของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร
.ในตอนแรกคำร้องดังกล่าวในท่อนสุดท้าย ใช้คำว่า ฉะนี้ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเปลี่ยนคำว่า ฉะนี้ ให้เป็น ชโย ดังที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
.เพลงสรรเสริญพระบารมี มีเค้าโครงว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้มีเพลงที่มีลักษณะคล้ายเพลงสรรเสริญพระบารมีอยู่ก่อนแล้ว ใช้บรรเลงในเวลาพระมหากษัตริย์เสด็จลงท้องพระโรงและเสด็จขึ้น
.แต่เพลงสรรเสริญพระบารมีในฐานะเพลงชาตินั้น เริ่มปรากฏในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมีการใช้เพลง God Save the King ซึ่งเป็นเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงชาติของอังกฤษ บรรเลงเป็นเพลงถวายความเคารพแด่องค์พระมหากษัตริย์ ตามแบบอย่างการฝึกทหารของอังกฤษ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ได้ใช้ทำนองเพลงนี้แต่งคำร้องสรรเสริญพระบารมีถวายโดยให้ชื่อว่า "เพลงจอมราชจงเจริญ"
.จนกระทั่งถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้เสด็จประพาสเมืองสิงคโปร์และเกาะชวาในปี พ.ศ. 2414 ขณะที่ทรงประทับอยู่ที่สิงคโปร์นั้น ทหารอังกฤษได้ใช้เพลง God Save the King บรรเลงเป็นเพลงเกียรติยศรับเสด็จ ปัญหาจึงเกิดขึ้นว่าทั้งอังกฤษและไทยต่างใช้เพลงสรรเสริญพระบารมีเพลงเดียว กัน ต่อมาเมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปยังเมืองปัตตาเวีย ชาวฮอลันดาที่ ตั้งอาณานิคมที่นั้น ได้ถามถึงเพลงประจำชาติของไทย เพื่อจะได้นำไปบรรเลงรับเสด็จ พระองค์จึงมีพระราชดำริแก่ครูดนตรีไทย ให้แต่งเพลงแตรวงรับเสด็จเพื่อใช้แทนเพลง God Save the King
.คณะครูดนตรีไทยจึงได้เสนอเพลงบุหลันลอยเลื่อน (หรือเพลงทรงพระสุบิน) ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ใช้เป็นเพลงสรรเสริญพระบารมี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายเฮวุดเซน (Heutsen) ครูดนตรีในกรมทหารมหาดเล็กชาวฮอลันดา เรียบเรียงทำนองขึ้นใหม่ให้เป็นทางดนตรีตะวันตก และได้ใช้เป็นเพลงสรรเสริญพระบารมีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2414 จนถึง พ.ศ. 2431 (ดร. สุกรี เจริญสุข ได้สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพลงเดียวกันกับเพลงสรรเสริญเสือป่า ซึ่งใช้เป็นเพลงเกียรติยศของเสือป่าในสมัยรัชกาลที่ 6
.ต่อมาจึงมีการเปลี่ยนมาใช้เพลงสรรเสริญพระบารมีฉบับที่เป็นผลงานของ ปโยตร์ ชูรอฟสกี้ (Pyotr Schurovsky) นักประพันธ์ชาวรัสเซีย เมื่อ พ.ศ. 2431 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงนิพนธ์เนื้อร้องประกอบและได้ออกบรรเลงครั้งแรกที่ศาลายุทธนาธิการในปีเดียวกัน ต่อมาทรงนิพนธ์เนื้อร้องของเพลงนี้อีกหลายเนื้อร้องเพื่อขับร้องในกลุ่มต่าง ๆ กัน เช่น ทหาร นักเรียนชาย นักเรียนหญิง เป็นต้น แต่มีเนื้อร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีอีกสำนวนหนึ่งที่เป็นพระนิพนธ์ในพลเรือ เอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ สำนวนนี้เป็นสำนวนสำหรับทหารเรือขับร้องโดยเฉพาะ
.เนื้อร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีฉบับปัจจุบันนั้น เดิมทีเป็นเนื้อร้องที่พระองค์ได้นิพนธ์ขึ้นเพื่อใช้ในพระราชพิธีลงสรงของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ต่อมาเมื่อถึงรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงนำเพลงสรรเสริญพระบารมี มาพระราชนิพนธ์คำร้องขึ้นใหม่ โดยทรงรักษาคำร้องเดิมเอาไว้เกือบทุกอย่าง ยกเว้นแต่ทรงเปลี่ยนคำร้องในท่อนสุดท้ายว่า ฉะนี้ ให้เป็น ชโย และประกาศใช้ ในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2456 และใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
.ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เพลงสรรเสริญพระบารมีไม่ได้ใช้ในฐานะเพลงชาติอีกต่อไป แต่ยังคงใช้ในฐานะของเพลงถวายความเคารพแด่องค์พระมหากษัตริย์ มีอยู่ช่วงหนึ่งมีการตัดทอนเพลงนี้ให้สั้นลง แต่ได้ยกเลิกการใช้แล้ว
.เพลงสรรเสริญพระบารมีมีการบันทึกเสียงครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2443 ซึ่งเป็นการบรรเลงโดยวงดนตรีคณะละครนายบุศมหินทร์ที่ประเทศเยอรมนี บันทึกลงบนกระบอกเสียงชนิดไขผึ้งของบริษัทเอดิสัน และมีการบันทึกเสียงโดยมีการขับร้องประกอบครั้งแรกโดยเป็นเสียงร้องของแม่ ปุ่น (ไม่ทราบนามสกุล) และแม่แป้น (แป้น วัชโรบล) ในแผ่นเสียงปาเต๊ะร่องกลับทางของบริษัทปาเต๊ะ ประเทศฝรั่งเศส ส่งแตรวงกรมทหารราบที่ 3 (ปัจจุบันคือกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์) เมื่อ พ.ศ. 2450
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก