พระพุทธศาสนากับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
พระพุทธศาสนากับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง http://winne.ws/n9461
พระพุทธศาสนากับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ก่อนจะจัดทำเว็บในส่วนที่เกี่ยวกับความรู้ทั่วไป ข้าพเจ้าใคร่ขออัญเชิญ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะนำหลักปรัชญาของพระองค์ท่านมาเสนอ ซึ่งเป็นปรัชญาที่ดีมากในปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี ทรงเจริญรอยตากษัตริย์ ที่นับถือพระพุทธศาสนาทุกพระองค์ ซึ่งประเทศไทยเรานั้น กษัตริย์ทุกพระองค์จะนับถือพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน แม้แต่ในรัฐธรรมนูญยังบัญญัติไว้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ พระองค์ทรงนำหลักคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ซึ่งเป็นพระศาสดาของศาสนาพุทธเรา คือนำหลักทัฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ มาประยุกต์ใช้ในสังคมยุกปัจจุบัน เหมือนกับกษัตริย์ที่นับถือศาสนาพุทธองค์อื่น ๆ หลักดังกล่าว มี 4 ข้อ คือ
1. อุฏฐานสัมปทา (อ่านว่า อุด-ถา-นะ-สำ-ปะ-ทา) แปลว่าตามศัพท์ว่า
ถึงพร้อมด้วยความลุกขึ้น แปลเอาความว่า มีความขยันหมั่นเพียร เอาการเอางาน
ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ
2. อารักขสัมปทา (อ่านว่า อา-รัก-ขะ-สำ-ปะ-ทา) แปลว่าตามศัพท์ว่า
ถึงพร้อมด้วยการเก็บรักษา แปลเอาความว่า เก็บรักษาทรัพย์ที่หามาได้
ด้วยเรี่ยวแรงของตน ตามข้อที่ 1 การมีวินัยในการใช้จ่ายทรัพย์ที่หามาได้
ด้วยเรี่ยวแรงของตน
3. กัลยาณมิตตตา (อ่านว่า กัน-ละ-ยา-นะ-มิด-ตะ-ตา) แปลว่าตามศัพท์ว่า ความมีกัลยาณมิตร แปลเอาความว่า รู้จักคบคนดี มีศีลธรรม มีระเบียบวินัย คนที่รู้จักทำมาหากิน นักปราชญ์ ผู้มีความรู้สาขาต่าง ๆ ตลอดจนคนดีต่าง ๆ แม้แต่หนังสือดี ๆ หรือบุคคลในประวัติศาสตร์ที่เป็นตัวอย่างให้กับเรา ก็ถือว่าเป็นกัลยาณมิตรได้
4. สมชีวิตา (อ่านว่า สะ-มะ-ชี-วิ-ตา) แปลตามศัพท์ว่า การเลี้ยงชีวิต เสมอต้น เสมอปลาย แปลเอาความว่า เลี้ยงชีวิตอย่างถูกต้องเหมาะสม ถูกวัตถุประสงค์ เสมอต้น เสมอปลาย ไม่สุรุ่ยสุร่าย ไม่ทำอะไรเกินตัว ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
ซึ่งข้อที่ 4 นี่แหละครับ ที่ในหลวงของเรา ทรงนำมาประยุกต์ใช้ ในหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งทรงประทานไว้ ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2540 โดยทรงอธิบายเพิ่มเติมว่า "...ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง และทำได้เศษหนึ่งส่วนสี่เท่านั้นจะพอนั้น ไม่ได้แปลว่า เศษหนึ่งส่วนสี่ของพื้นที่ แต่เป็นเศษหนึ่งส่วนสี่ ของการกระทำ..." จากนั้น ได้ทรงขยายความ คำว่า "พอเพียง" เพิ่มเติมต่อไปว่า หมายถึง "พอมีพอกิน" "...พอมีพอกิน ก็แปลว่า เศรษฐกิจพอเพียง นั่นเอง ถ้าแต่ละคน มีพอมีพอกิน ก็ใช้ได้ ยิ่งถ้าทั้งประเทศพอมีพอกิน ก็ยิ่งดี..."
"...ประเทศไทยสมัยก่อนนี้ พอมีพอกิน มาสมัยนี้อิสระ ไม่มีพอมีพอกิน จึงจะต้องเป็นนโยบายที่จะทำเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อที่จะให้ทุกคนพอเพียงได้ พอเพียงนี้ ก็หมายความว่า มีกิน มีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหราก็ได้ แต่ว่าพอ..." ทรงเปรียบคำว่า พอเพียง กับคำภาษาอังกฤษว่า "Self-Suficiency" ว่า "...Self-Sufficiency นั้น หมายความว่า ผลิตอะไร มีพอที่จะใช้ ไม่ต้องไปขอยืมคนอื่น อยู่ได้ด้วยตนเอง...เป็นไปตามที่เค้าเรียกว่า ยืนบนขาของตัวเอง...
พอเพียงนี้ มีความหมายกว้างขวางยิ่งกว่านี้อีก คือ คำว่า พอ ก็พอเพียงนี้ ก็พอแค่นั้นเอง
คนเราถ้าพอใจในความต้องการ มันก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อย ก็เบียดผู้อื่นน้อย...
"....พอเพียงนี้ อาจจะมี มีมาก อาจจะมีของหรูหราก็ได้ แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดคนอื่น ต้องให้พอประมาณ พูดจาก็พอเพียง ทำอะไรก็พอเพียง ปฏิบัติงานก็พอเพียง..."
"...ฉะนั้น ความพอเพียงนี้ ก็แปลว่า ความพอประมาณ และความมีเหตุผล..."
ถ้าประเทศใด มีความคิดอันนี้ มีความคิดว่า ทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่า พอประมาณ ซื่อตรง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://allknowledges.tripod.com/