สุทธาวาส องครักษ์ บ้านพักหญิงคนชราไร้ที่พึ่ง
“บ้านสุทธาวาส เฉลิมพระเกียรติฯ” อ.องครักษ์ จ.นครนายก บ้านพักหญิงคนชรา สถานที่ให้ความร่มเย็น เป็นสุข ดุจดังแดนดินถิ่นสวรรค์สำหรับหญิงชราไร้ที่พึ่ง http://winne.ws/n975
บ้านหลังนี้...เกิดขึ้นภายใต้ปณิธานอันแรงกล้าของพี่น้องคหบดีใจบุญ ตระกูล “จิรกิติ” ซึ่งประกอบด้วยบุตร ธิดา เขย สะใภ้และหลานๆ ของนายประสิทธิ์ และนางอิงอร จิรกิติ ซึ่งเห็นพ้องร่วมกันต้องการทำโครงการอันเป็นสาธารณประโยชน์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช และอุทิศเป็นบุญกุศลถวายแด่ครูอาจารย์ของพวกเขา
อันมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสนมหาเถระ) สมเด็จพระสังฆราช ท่านหลวงปู่ใหญ่เสาร์ กันตสีโล ท่านพระอาจารย์ใหญ่ มั่น ภูริทัตโต ท่านหลวงปู่ดุล อตุโล หลวงพ่อชา สุภัทโท หลวงพ่อพุธฐานิโย และลำดับสุดท้าย อุทิศเป็นบุญกุศลแด่คุณพ่อประสิทธิ์ และคุณแม่อิงอร จิรกิติ บุพการีของพวกเขา
คณะบุคคลกลุ่มนี้จึงตกลงใจร่วมกันสร้างสถานสงเคราะห์หญิงชรา ขนาด 61 เตียงขึ้น บนพื้นที่ 40 ไร่ ที่ ต.ทรายมูล อ.องครักษ์ จ.นครนายก (อยู่ห่างจากตลาดองครักษ์ประมาณ 2 กม.) เพื่อให้การสงเคราะห์แก่หญิงชราไร้ที่พึ่ง ในนามของ “บ้านสุทธาวาส เฉลิมพระเกียรติฯ” โทร. 0-3739-1388-9, 08-7535-8899
ที่บ้านพักพิงของหญิงชราไร้ที่พึ่งแห่งนี้ นอกจากมีที่พักที่สะอาด โอ่โถง เงียบสงบ ร่มรื่นและรายรอบไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ยังมี เสื้อผ้า อาหาร รวมทั้งบริการดูแลฟื้นฟูสุขภาพให้แก่หญิงชราอย่างเพียบพร้อม ทั้งทางด้านสังคม จิตใจ และร่างกาย เพื่อให้หญิงชราเหล่านั้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งทางกายและจิตใจในบั้นปลาย ตามควรแก่อัตภาพ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
เพียงแต่ผู้ที่จะมีสิทธิได้พักอาศัยในสวรรค์บนดินแห่งนี้ ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนทั้ง 6 ข้อ
1.เป็นผู้ยากไร้ทางการเงิน และไร้ผู้ดูแล
2.เฉพาะเพศหญิง ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และมีบัตรประจำตัวประชาชนไทย
3.รับเฉพาะผู้ที่มีภูมิลำเนาปัจจุบันอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ นครนายก ปราจีนบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา และฉะเชิงเทราเท่านั้น โดยพำนักอยู่ ณ ภูมิลำเนาดังกล่าวมาเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป
4.ไม่เป็นโรคจิต โรคติดต่อร้ายแรง และไม่เป็นผู้ป่วยหนักในระยะสุดท้ายของชีวิต
5.เป็นความต้องการของผู้สมัครเอง ที่จะเข้าไปอยู่ที่บ้านสุทธาวาส เฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งต้องมีอุปนิสัยใจคอที่สอดคล้อง และยินดีที่จะปฏิบัติตนตามแนวทางของบ้านสุทธาวาสฯ และ
6.ต้องไม่มีประวัติกระทำผิดคดีอาญา และไม่อยู่ในระหว่างการสอบสวน หรือดำเนินคดีอาญา
สุกัญญา วงษ์บัวงาม นักกายภาพ และ อรวี สวนสวัสดิ์ พนักงานแผนกสังคมและฟื้นฟู สองเจ้าหน้าที่ของบ้านสุทธาวาส เฉลิมพระเกียรติฯ ร่วมกันเล่าว่า
บ้านแห่งนี้ บริหารงานภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิบ้านสุทธาวาส ซึ่งมีคณะกรรมการประกอบด้วย คุณอรรณพ จิรกิติ เป็นประธานกรรมการและกรรมการบริหาร คุณศรีสมร และคุณภาศิณี จิรกิติ เป็นรองประธานและกรรมการบริหาร คุณประเสริฐ จิรกิติ และคุณสิริกานต์ ทองไทย เป็นกรรมการ โดยมีคุณอานุภาพ สาสนรักกิจ เป็นผู้อำนวยการ และคุณธัญรดี มาตะรักษ์ เป็นผู้จัดการส่วนดูแล
ทั้งสุกัญญาและอรวี บอกว่า เนื่องจากทางผู้บริหารและผู้ก่อตั้งบ้านสุทธาวาสเล็งเห็นว่า ด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า รวมทั้งความสามารถในการเข้าถึงบริการรักษาพยาบาลของคนไทยที่เพิ่มขึ้น มีส่วนทำให้คนไทยมีอายุยืนขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อจำนวนคนชราโดยรวมมีมากขึ้น คนชราที่มีปัญหาในการดูแลตนเองทางกายภาพและทางการเงินจึงเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น ทางคณะผู้บริหารจึงเลือกทำโครงการสถานสงเคราะห์หญิงชราไร้ที่พึ่งขึ้นมา
ส่วนเหตุผลที่เลือกทำเฉพาะหญิงชราเพียงเพศเดียว เป็นเพราะเห็นว่า เมืองไทยประชากรหญิงมีจำนวนมากกว่าประชากรชายถึง 5.6% และในอีก 20 ปีข้างหน้า จะเพิ่มความห่างขึ้นเป็น 7.9% นอกจากนี้การที่เลือกสงเคราะห์หญิงชราเพียงเพศเดียว ยังทำให้ได้บุคลากรที่เชี่ยวชาญและดูแลเฉพาะด้านได้อย่างมีคุณภาพ
“ก่อนที่เราจะรับคุณยายท่านใดเข้ามาอยู่ในความดูแล จะมีเจ้าหน้าที่ ออกไปตรวจสอบประวัติและสภาพความเป็นอยู่ของคุณยายแต่ละท่านอย่างละเอียด จนแน่ใจว่าคุณยายท่านนั้นมีคุณสมบัติครบถ้วนทั้ง 6 ข้อ จึงจะได้เข้ามาอยู่ร่วมกันที่นี่ค่ะ ยกตัวอย่าง บางท่านยังมีเงินฝากในบัญชีธนาคารอยู่เกินกว่า 2 แสนบาท อย่างนี้เราถือว่า คุณยายท่านนั้นยังพอดูแลตัวเองได้ เป็นต้นค่ะ” สุกัญญาว่า
ขณะที่อรวีเสริมถึงแหล่งที่มาของเบาะแส หรือข้อมูลหญิงชราไร้ที่พึ่งพิง ซึ่งเข้าข่ายต้องการความช่วยเหลือ มีทั้งได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลประจำจังหวัด พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประจำจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด อบต. และจากหน่วยงานบ้านพักคนชราด้วยกัน
“มีบ้างเหมือนกัน บางเคสคุณยายท่านนั้นมีคุณสมบัติเกือบครบทุกข้อ แต่พอเราไปสอบเคสถึงที่ปรากฏว่า แม้ท่านจะเป็นหญิงชรายากจน ตัวคนเดียว แต่ยังมีเพื่อนบ้านคอยให้ความช่วยเหลือ คุณยายท่านนั้น ยังมีความผูกพันกับเพื่อนบ้านและชุมชน จึงไม่สมัครใจที่จะมาอยู่กับเรา อย่างนี้ก็ถือว่า คุณสมบัติไม่ครบค่ะ”
ด้วยทางบ้านสุทธาวาส เฉลิมพระเกียรติฯ เน้นค่านิยมหลักอยู่ 4 ประการ คือ ใส่ใจในเรื่องอาหาร ดูแลร่างกาย ใช้งานสมอง และฝึกจิตให้เบิกบาน
ดังนั้น ผู้ที่เข้าไปอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ จึงมีกิจวัตรประจำวัน เริ่มตั้งแต่ตื่นนอนตอน 04.30 น. ทำธุระส่วนตัว อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ปัดกวาด เช็ดถู ทำความสะอาดเรือนนอนที่พัก กระทั่งถึงเวลา 07.00 น. เริ่มทานอาหารมื้อเช้า 08.00 น. เคารพธงชาติและสวดมนต์อย่างพร้อมเพรียงกัน ภายในศาลาปฏิบัติธรรม
หลังจากนั้น เวลา 08.15 น. ของวันอังคาร พฤหัสฯและเสาร์ จะมีการลงทำแปลงปลูกพืชผักสวนครัวเบาๆ เช่น พรวนดิน ถอนหญ้า เก็บผัก รดน้ำผัก เป็นต้น สลับกันกับกิจกรรมออกกำลังกายเบาๆ เพื่อยืดกล้ามเนื้อทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ยกเว้นผู้ที่นอนติดเตียง หรือเพิ่งไปผ่าตัดมา
เวลา 10.00-11.00 น. ทำกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น เน้นการเล่นเกม ดูทีวี หัดคิดโจทย์เลข รำมวยจีน ชี่กง หรือไทเก๊ก ซึ่งจะมีกิจกรรมไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน เพื่อช่วยบริหารสมองและกล้ามเนื้อ ป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเกิดภาวะสมองเสื่อม
ต่อจากนั้น จึงทานอาหารเที่ยง ประมาณ 11.00-11.30 น. และพักผ่อนตามอัธยาศัยไปจนถึงเวลา 14.00 น. เป็นเวลาเสิร์ฟอาหารว่าง ซึ่งมีนม และผลไม้เป็นหลัก จากนั้นจึงทำกิจกรรมร่วมกันอีกครั้ง เช่น ร้อยลูกปัด เล่นไพ่ป๊อก ไพ่ผสมสิบ ถักไหมพรม วาดรูป ปั้นดินน้ำมัน ปั้นกระดาษ เป็นต้น เวลา 14.15 น.
เมื่อถึงเวลา 15.15 น.จึงแยกย้ายกันไปทำกิจวัตรส่วนตัว และทานข้าวเย็นตอนเวลา 16.30 น. ตามด้วยสวดมนต์เย็นร่วมกันเวลา 17.00 น. จากนั้นก็พักผ่อนตามอัธยาศัย
ใครจะคาดคิดว่า หญิงชราอาภัพ ไร้ที่พึ่งคนหนึ่ง ก็สามารถมีคุณภาพชีวิตในบั้นปลาย อยู่ดี มีสุข และน่าอิจฉา ไม่น้อยหน้าไปกว่าหญิงชราคนใดในโลกนี้ได้เช่นกัน.
สังคมจะดีต้องช่วยกันส่งเสริม ผู้สูงวัย จากวันวานถึงวันนี้ยังต้องการคนดูแล ดังนั้นเราต้องมาร่วมด้วยช่วยกันให้ทุกคนในสังคมได้รับการดูแล ขออนุโมทนากับผู้คิดโครงการ และให้การช่วยเหลือ สาธุ ๆๆ