เรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ "พระเศวตอดุลยเดชพาหนะฯ"ช้างเผือกคู่พระบารมีแห่งรัชกาลที่ 9
กว่าจะนำคุณพระจากเขาดินไปถึงประตูสวนจิตรลดา ซึ่งมองเห็นกันแค่นั้นก็กินเวลาหลายชั่วโมง ในที่สุดก็นำคุณพระไปยังประตูพระราชวังได้ พอได้ก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณพระราชวัง คุณพระก็เปลี่ยนไปทันที จากความดุร้ายก็กลายเป็นความสงบเสงี่ยม http://winne.ws/n9922
มีความเชื่อกันมาแต่สมัยโบราณว่าช้างเผือก ถือว่ามีศักดิ์สูงเทียบชั้นเจ้าฟ้า และสัตว์ที่นิยมนำมาเลี้ยงคู่กัน มี 2 ชนิด คือลิงเผือกและกาเผือก ถือว่าเป็นสัตว์คู่บุญของช้างเผือก จะช่วยป้องกันสิ่งอวมงคลที่จะมาสู่ช้างเผือกได้ และหากมีเหตุใดๆเกิดขึ้นกับช้างเผือก จะเชื่อว่าเป็นลางร้าย
ในความเชื่อของไทย ช้างเผือก ถือว่าเป็นเครื่อง เชิดชูเกียรติประดับบารมีของพระมหากษัตริย์เมื่อมีช้างเผือกเข้ามาสู่พระบารมีจะทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทำพิธีสมโภชขึ้นระวาง พระราชทานนามเป็น “พระยาช้างต้น หรือนางพระยาช้างต้น” และให้ยืนโรงช้างประจำพระราชฐาน
ตามตำราพระคชศาสตร์กำหนดลักษณะสำคัญ 7 ประการของช้างมงคลไว้ว่าจะต้องประกอบด้วย 1.ตาขาว 2.เพดานปากขาว 3.เล็บขาว 4.ขนขาว 5.พื้นหนังขาวหรือสีอ่อนๆ ออกแดงคล้ายหม้อใหม่ 6.ขนหางขาว 7.อัณฑโกสขาว หรือสีคล้ายหม้อใหม่ ช้างที่มีลักษณะครบถ้วนเรียกว่า “ช้างสำคัญ”ส่วนช้างที่มีลักษณะมงคลไม่ครบเรียกว่า “ช้างประหลาด”หรือช้าง “สีประหลาด”
หากช้างมีหนังดำ มีงาลักษณะเหมือนปลีกล้วย และมีเล็บดำ เรียกว่า “ช้างเนียม”ซึ่งช้างทั้ง 3 ประเภทนี้ ถือเป็นช้างคู่บารมีของพระมหากษัตริย์เท่านั้น ผู้ที่ครอบครองช้างประเภทใด จะต้องนำช้างนั้นทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นช้างทรงตามราชประเพณีที่ปฏิบัติกันมานาน โดยเรามักจะเรียกช้างทั้งหมดรวมๆ กันว่าเป็น “ช้างเผือก”
สำหรับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มีการพบช้างเผือก 21 ช้าง ปัจจุบันเหลือเพียง 11 ช้าง โดยมีศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง รับหน้าที่ดูแลรวม 6 ช้าง เป็นเพศผู้ทั้งหมด ประกอบด้วย พระเศวตพาสุรคเชนทร์ พระเศวตศุทธวิลาส ทั้งสองช้างอายุ 28 ปี ส่วนอีก 4 ช้าง เป็นช้างที่ยังไม่ได้สมโภชขึ้นระวาง ประกอบด้วย ขวัญเมือง ยอดเพชร อายุ 27-28 ปี วันเพ็ญ และทองสุกอายุ 30 ปี
อีก 4 ช้าง อยู่ที่โรงช้างต้น ภายในเขตพระราชวังภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร เป็นช้างพังทั้งหมด คือ พระวิมลรัตนกิริณี พระศรีนรารัฐราชกิริณี พระเทพวัชกิริณี อายุ 28-29 ปี และพังมด อายุ 20 ปี ส่วนอีก 1 ช้าง เป็นช้างเผือกแรกที่ได้มาในรัชกาลที่ 9 คือ “พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ” คุณพระเป็นช้างพลายได้มาจาก จ.กระบี่ เมื่อพ.ศ.2499 ปัจจุบันอยู่ที่โรงช้างต้นในพระราชวังไกลกังวล จ.ประจวบคีรีขันธ์
กล่าวสำหรับช้างเผือกแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มีชื่อว่า“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ” ชื่อเต็มคือ พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนวนาถบารมี ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกมลาสนวิสุทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาติ สยามราษฎรสวัสดิ ประสิทธิ์รัตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทรพิตรสารศักดิเลิศฟ้า
เป็นช้างพลายเผือกโท เกิดในป่าเขตจ.กระบี่ เมื่อปี พ.ศ.2494 ถูกคล้องได้ที่บ้านหนองจูด ต.ดินอุดม อ.ลำทับ จ.กระบี่ เมื่อปี พ.ศ.2499 โดยนายแปลก ฟุ้งเฟื่องและนายปลื้ม สุทธิเกิด เป็นลูกช้างติดแม่อยู่ในโขลงช้างป่า พร้อมกับช้างอื่นๆอีก 5 เชือกคือ พังสาคร พลายทอง พังเพียร พังวิไล และพังน้อย
พลโทบัญญัติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย(ในขณะนั้น)ได้นำช้างพลายแก้วขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 เพื่อประกอบพิธีขึ้นระวางเป็นช้างต้นและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้กำหนดพระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางช้างเผือกประจำรัชกาล ณ โรงช้างต้นพระราชวังดุสิตเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนพ.ศ. 2502
พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เติบโตขึ้นโดยการดูแลขององค์การสวนสัตว์ และดุร้ายมากขึ้นจนควาญช้างควบคุมไม่ได้ จึงต้องจับยืนมัดขาทั้งสี่ไว้กับเสา เป็นที่เกรงกลัวของบุคคลทั่วไป กระทั่ง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชเสาวณีย์โปรดเกล้าฯ ให้นำพระเศวตฯเข้าไปยืนโรงในโรงช้างต้น ภายในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อ พ.ศ.2519 ซึ่งหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้บันทึกไว้ว่า
เปิดเรื่องเล่าตื่นเต้น กับ เรื่องราวปาฏิหารย์.. ของลุงแก้ว บุตรชาติ ควาญช้างเผือก ชมคลิป
“ในขณะที่นำคุณพระจากสวนสัตว์ดุสิตไปยังสวนจิตรลดา ซึ่งเพียงแต่มีถนนคั่นอยู่สายเดียวนั้น คุณพระก็อาละวาดอย่างหนัก ไม่ยอมออกเดิน เอางวงยึดต้นไม้จนต้นไม้ล้ม จนแทบจะหมดปัญญาเจ้าหน้าที่กว่าจะนำคุณพระจากเขาดินไปถึงประตูสวนจิตรลดา ซึ่งมองเห็นกันแค่นั้นก็กินเวลาหลายชั่วโมง ในที่สุดก็นำคุณพระไปยังประตูพระราชวังได้ พอได้ก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณพระราชวัง คุณพระก็เปลี่ยนไปทันที จากความดุร้ายก็กลายเป็นความสงบเสงี่ยม เดินอย่างเรียบร้อยไปสู่โรงช้างต้น และเข้าอยู่อย่างสงบเรื่อยมา”
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระเศวตฯ จากโรงช้างต้นสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต มายืนโรง ณ โรงช้างต้น วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 17-18 มีนาคม 2547 และเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชพิธีสมโภชโรงช้างต้น เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2547
พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ได้ล้มลง เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2553 ณ โรงช้างต้น พระราชวังไกลกังวล หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ได้ล้มลง เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2553 ณ โรงช้างต้น พระราชวังไกลกังวล หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ขอบคุณภาพ วีดีโอและข้อมูลจาก
https://m.youtube.com/watch?v=w8C6q0BSXZQ